ประเทศโปรตุเกส เป็นเจ้าภาพ ได้มีการยกเลิกกฎ "โกล์เด้นโกล์" และนำกฎ "ซิลเวอร์โกล์" มาใช้แทน โดยแต่เดิมนั้นกฎ "โกลเด้นโกล์" จะใช้ในกรณีที่คู่แข่งขันลงเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที ซึ่งหากทีมใดทำประตูได้ก่อนในช่วงเวลาดังกล่าว เกมก็จะยุติทันที
ขณะที่ กฎ "ซิลเวอร์โกล" นั่น จะใช้ในกรณีที่คู่แข่งขันลงเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาทีเช่นกัน แต่ต่างตรงที่ หากทีมได้ทำประตูได้ก่อนเกมจะยังไม่ยุติทันที แต่จะรอให้หมดเวลาในช่วงต่อเวลาพิเศษในครึ่งแรก 15 นาทีเสียก่อน เกมถึงจะยุติ นั่นหมายความว่า ยังให้โอกาสทีมที่โดนนำทำประตูตีคืนให้ได้ในช่วงเวลาที่เหลือดังกล่าวนั่นเอง
สำหรับการแข่งขันในปีนั้นได้มีการนำกฏ"ซิลเวอร์โกล"มาใช้เพียงครั้งเดียวในรอบก่อนรองชนะเลิศในเกมระหว่าง ทีมชาติกรีซ พบกับ สาธารณรัฐเช็ก ก่อนที่ ทีมจากดินแดนเทพนิยายจะเอาชนะไปได้ และก้าวไปคว้าแชมป์ยูโรได้เป็นสมัยแรกของทีมได้อย่างยิ่งใหญ่ ในท้ายที่สุด ด้วยลูกโหม่งของ จอร์จ อันดราเด้ เซ็นเตอร์แบ็ค ปลิดชีพ ทีมเจ้าภาพอย่างโปรตุเกส ไปด้วยสกอร์ 1-0 พร้อมกับสร้างตำนานอีกหน้าหนึ่งให้กับรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปให้กล่าวขวัญถึงอีกนานเท่านานศึกยูโร
2004 ปิด ความทรงจำที่ดี ในครั้งนี้ในแง่มุมต่างๆ
ดาราเจ้าบทบาทที่สุด :ได้แก่ อันโตนิโอ คาสซาโน่ กองหน้าของ อิตาลี ที่รับบทดารานำฝ่ายชายได้อย่างสมบทบาท เปลี่ยนอารมณ์จากยิ้มแย้มสุดดีใจ มาเป็นเศร้าโศกน้ำตาลิน ได้ภายในชั่ววินาที เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หลังจากที่ เขายิงประตูช่วยให้ อิตาลี ขึ้นนำ บัลแกเรีย 2-1 ได้สำเร็จในช่วงต่อเวลาเจ็บ อันโตนิโอ คาสซาโน่ ยิ้มร่า แหกปากลั่นด้วยความยินดี นึกว่าจะเป็นฮีโร่พาทีม อิตาลี ผ่านเข้ารอบสองสำเร็จแล้ว แต่เฮยังไม่ทันขาดคำ เพื่อนร่วมทีมมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูว่า อีกสนาม ระหว่าง สวีเดน vs เดนมาร์ก เสมอกันไป 2-2 ส่งผลให้ประตูของ คาสซาโน่ ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะยังไงทีมก็ตกรอบ ส่งผลให้ คาสซาโน่ เปลี่ยนจากเฮ เป็นโฮ น้ำตาไหลพรากในชั่วพริบตา ... build อารมณ์ของคนดู ได้อย่างประทับใจ
เหมาะที่จะเอาปี๊บคลุมตูดที่สุด :แน่นอนว่าต้องเป็นทีมชาติเยอรมัน ที่ถึงแม้จะเจอกับ เช็ก ชุดสำรองยกชุด ยังเอาชนะไม่ได้ และเล่นไปเล่นมา ถึงขึ้นแพ้ 1-2 ตกรอบแบบเอาปี๊บคลุมหัวยังไม่พอ ต้องขออีกใบมาคลุมตูด กลับบ้านด้วย
การเปลี่ยนตัวที่ผิดพลาดที่สุด :ขอยกให้กับ ดิ๊ค แอตโวคาท กุนซือ ฮอลแลนด์ ที่เปลี่ยนเอา อาร์เยน ร็อบเบน ปีกซ้ายออกในเกมที่พบกับ เช็ก ทั้งๆ ที่เกมนั้น ร็อบเบน เล่นได้เด่นจัด เป็นตัวป่วนชั้นยอด ทำให้ทีมขึ้นนำ เช็ก ก่อนถึง 2-0 แต่พอเปลี่ยนเอา ร็อบเบน ออก เกมรุกของ ฮอลแลนด์ ก็เป็น 0 ทันที และค่อยๆ ถูก เช็ก บด จนแซงชนะได้ 3-2 ในท้ายที่สุด
ตื่นตะลึงที่สุด :หนีไม่พ้นการทำ 2 ประตูในช่วง 3 นาทีของการทดเวลาเจ็บ ของ ฝรั่งเศส ที่พลิกเชือด อังกฤษ ได้อย่างสุดเหลือเชื่อ 2-1 หลังเกมนี้ เชื่อว่าแฟนบอลกว่าครึ่ง อาจถึงขั้นนอนไม่หลับถึงเช้า ทั้งแฟน อังกฤษ และฝรั่งเศส
อาภัพที่สุด :คือ เวย์น รูนี่ย์ แต่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เขาเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออก แต่เป็นเหตุการณ์ที่ เวย์น รูนี่ย์ อุตส่าห์ยิงประตูกับทีม สวิตเซอร์แลนด์ ได้ จนส่งผลให้เขาเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดขณะนั้นที่ยิงประตูในยูโรได้ แต่แล้วสถิติก็ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วภายใน 4 วันหลังจากนั้น เมื่อ เด็กอ่อนตัวใหม่ของ สวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ฟอนลันเตน ยิงประตูในเกมพบกับ ฝรั่งเศส ได้ ส่งผลให้ ฟอนลันเตน กลายเป็นเจ้าของสถิติเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูใน ยูโร ไปแทนเสียฉิบ
นิยายน้ำเน่าที่สุด :ใช่แล้วครับ มันคือนิยายปรัมปราน้ำเน่าของชาวสแกนดิเนียเวีย ที่เล่นดึงเสมอกัน 2-2 จูงมือกันเข้ารอบ อย่างสุดดื่มด่ำ ไม่ต่างจากการมาฮันนิมูนคู่กันใน โปรตุเกส ก่อนจะนัดกันตกรอบ กลับบ้านพร้อมกันอีกในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ประตูที่สวยงามที่สุด :มีประตูสวยๆ เกิดขึ้นในทัวร์นาเมนต์นี้หลายลูกทีเดียว แต่ประตูที่จะอยู่ในความทรงจำของประชาชนตราบนานเท่านาน นอกจากจะต้องสวยงามแล้ว ยังต้องเป็นประตูที่มีคุณค่า และเกิดขึ้นถูกที่ถูกเวลา มันถึงจะติดตราตรึงใจ ซึ่งประตูที่มีคุณสมบัติครบถ้วนดังกล่าว หนีไม่พ้น ประตูของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าร่างโย่งของ สวีเดน ที่ช่วยยิงตีเสมอ อิตาลี 1-1 ได้ในช่วงนาทีสุดท้าย นอกจาก ลีลาท่าทางการยิงจะเท่ห์ แปลกตา ในรูปแบบ จรเข้ฟาดหางขาคู้ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแล้ว ลูกบอลที่ลอยไป ยังเบาบาง นุ่มนวล ดุจดั่งลูกโป่ง ก่อนตุ๊บป่องๆ ไปเสียบสามเหลี่ยมบน อย่างหมดจด ชนิดที่คนดูในสนาม ยังต้องใช้เวลาเกือบ 2 วินาที กว่าจะหายตะลึง แล้วเฮลั่นออกมา
เหนียวที่สุด :ไม่ใช่โกล์ แต่เป็นกองหลังที่ชื่อ ยูร์คาส ไซตาริดิส ที่ถ้าได้รับบทให้ตามประกบใคร นักเตะคนนั้นแทบตายทันที ถูกเกาะติดหนึบทุกฝีเท้า
เสียเหงื่อมากที่สุด :ได้แก่ แยน โคลเลอร์ กองหน้าร่างยักษ์ของ เช็ก ที่ในเกมแรกที่พบ ลัตเวีย หลังเกม เขาต้องถูกหามไปโรงพยายาม เนื่องจากเสียเหงื่อ เสียเกลือแร่ จนน้ำหนักตัวลดไปถึง 5 กก.
ผิดหวังมากที่สุด :ขอยกให้ ราอูล กอนซาเลส เจ้าชายของวงการลูกหนัง สเปน ที่มาทัวร์นาเมนต์นี้ ไม่เหลือลายเจ้าชายให้เห็นแม้แต่น้อย ที่เห็นก็เป็นแค่เพียงคุณหนูลูกหนัง ที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แต่เพราะบารมีล้วนๆ เลยทำให้ได้ลงเป็นตัวจริงเรื่อย
ข่าวฮอต
อันดับ | ทีม | W/D/L | แต้ม |
---|
เมือง&สนามบอล
ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
ปีี | ชนะเสิศ | รองชนะเสิศ | อันดับ 3 |
---|---|---|---|
2008 | สเปน | เยอรมัน | รัสเซีย / ตุรกี |
2004 | กรีซ | โปรตุเกส | เนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก |
2000 | ฝรั่งเศส | อิตาลี | เนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส |
1996 | เยอรมัน | สาธารณรัฐเช็ก | ฝรั่งเศส / อังกฤษ |
1992 | เดนมาร์ก | เยอรมัน | เนเธอร์แลนด์ / สวีเดน |
1988 | เนเธอร์แลนด์ | สหภาพโซเวียต | อิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก |
1984 | ฝรั่งเศส | สเปน | เดนมาร์ก / โปรตุเกส |
1980 | เเยอรมนีตะวันตก | เบลเยียม | เชโกสโลวะเกีย |
1976 | เชโกสโลวะเกีย | เเยอรมนีตะวันตก | เนเธอร์แลนด์ |
1972 | เเยอรมนีตะวันตก | สหภาพโซเวียต | เบลเยียม |
1968 | อิตาลี | ยูโกสลาเวีย | อังกฤษ |
1964 | สเปน | สหภาพโซเวียต | ฮังการี |
1960 | สหภาพโซเวียต | ยูโกสลาเวีย | เชโกสโลวะเกีย |