4 ครั้งที่ผ่านมาไม่ปรากฏว่ามีชาติใดสามารถครองแชมป์ซ้ำสอง และเช่นกันสำหรับครั้งที่ 5 กระทั่งชาวเมืองเบียร์ก็ยังไม่นึกว่าเยอรมันตะวันตกจะป้องกันแชมป์สำเร็จ เพราะหลังเอลมุท เชินพาอินทรีเหล็กครองแชมป์ยุโรปต่อด้วยแชมป์โลก เยอรมันตะวันตกมีปัญหาด้านความต่อเนื่อง ถึงเวลาที่จะต้องสร้างทีมใหม่เมื่อ แกร์ด มุลเลอร์, โวล์ฟกัง โอเวอรัธ และ เจอร์เก้น กราบอฟสกี้ ต่างอำลาทีมชาติหลังพิชิตแชมป์โลก ส่วนพอลไปรท์เนอร์กับกุนเธอร์ เน็ทเซอร์ก็ออกไปค้าแข้งในสเปน ผู้หลงเหลือมาจากชัยชนะหนือแผ่นดินเบลเยียมมีเพียง เบ๊คเค่นเบาเออร์, เซปป์ ไมเออร์, ชวาร์เซ่นเบ๊ค, อูลี่ เฮอเนส และไฮย์เกส ผลการจับสลากแบ่งสายปรากฏว่าฮอลแลนด์อยู่ร่วมสายกับโปแลนด์ในกลุ่ม 5 ที่มีอิตาลีเป็นหอกข้างแคร่ อังกฤษอยู่กลุ่ม 1 กับโปรตุเกสและเชโกฯ รายหลังนี้ไม่ใช่กระจอกในยุคนั้น เพราะมีนักเตะที่ดังคับยุโรปอย่างออนตรุส, ปาเนนก้า และเนโฮด้า
เยอรมันตะวันตกกับโซเวียตดูจะโชคเข้าข้างเพราะตกลงสายที่ไม่หินเลยแชมป์เก่าอยู่ร่วมกับกรีซ,บัลแกเรีย และมอลตา ส่วนหมีขาวอยู่กับไอร์แลนด์, ตุรกีและสวิตเซอร์แลนด์ โซเวียตสร้างความตะลึง ให้วงการเมื่อพลาดพ่ายนักเตะไอริชในการเตะที่ดับลิน ในวันเดียวกันอังกฤษ เอาชนะนักเตะเชกสวยงาม 3-0 แต่อีก 3 สัปดาห์ต่อมา อังกฤษพบจุดผกผันพลาดที่จะเอาชนะโปรตุเกสผู้มาเยือน ขณะที่เชโกฯ หลังโดนสอยร่วงในนัดแรกก็ฮึดขึ้นสู้กับโปตุเกสใหม่ชนะไปเหลือเฟือ 5-0 และต่อมา เชโกฯก็เข้าป้ายเป็นจ่าฝูงของกลุ่มโดยมีแต้มเฉือนสิงโตคำรามเพียงแต้มเดียว อังกฤษชวดการไปโชว์ฝีเท้าที่แดนสลาฟ โซเวียตหวิดเจอชะตากรรมเดียวกันดีแต่นักเตะแดนนาฬิกาขี่ม้าขาวมาช่วยทันด้วยการเอาชนะทีมยักษ์เขียวหวุดหวิด 1-0 ที่กรุงเบิร์นก่อนปราชัยต่อหมีขาวด้วยสกอร์เดียวกัน โซเวียตถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่เฮลมุทเชินคิดหนักตั้งแต่ทีมยังไม่ลงเตะว่า จะหาใครมาแทนลูกระเบิดเพลิงลูกเก่า ไม่น่าประหลาดใจนักที่อินทรีเหล็กได้แค่เจ๊า กรีซ 2-2 โดยสองประตูดังกล่าวมาจากนักเตะในแผงกองกลางทั้งคู่อย่างเฮอร์เบิร์ท วิมเม่อร์และแบร์นด์ คุลมันน์ นัดต่อมา เชินก็ยังแก้ปัญหาด่านหน้ากระสุนด้านไม่ได้สกอร์ 1-0 เหนือมอลตา ได้จากฝีเท้า คุลมันน์อีก ก่อนที่จะไปเสมอกับบัลแกเรีย 1-1 โดยริทเซ่ลเป็นผู้ยิงลูกโทษให้ เมื่อทำท่าว่าจะไร้เขี้ยวเล็บ บุนเดสเทรนเนอร์ก็นั่งไม่ติด ทำเรื่องไปยังสหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน ให้เรียกตัวเน็ทเซอร์และไบรท์เนอร์กลับมา แต่ก็ไม่ได้ผลเยอรมันตะวันตกยังคงชนะกรีซไม่ได้ เสมอ 1-1 ที่ดุสเซลดอร์ฟ และที่พวกเขารอดพ้นการตกรอบคัดเลือกเฉียดฉิวก็ด้วยฝีเท้าของ ไฮย์เกสผู้กระทุ้งประตูชัยเหนือบัลแกเรียให้เยอรมันตะวันตก อีกกลุ่มที่แฟนบอลจับตามองคือ กลุ่ม 5 อิตาลีลงสนามแบบไม่มีความหวังยิ่งใหญ่อะไรเพราะทีมไม่พร้อม ส่วน ฮอลแลนด์กับ โปแลนด์ สถานการณ์ตรงกันข้าม ต่างฝ่ายต่างลุ้นสุดตัวเพื่อความเป็นหนึ่งในสายเจอกันเองนัดแรกโปแลนด์ดับซ่ากังหันลมด้วยสกอร์ถึง 4-1 นัดสองจึงสำคัญนักเพราะฮอลแลนด์ ต้องชนะสถานเดียวซึ่งพวกเขาก็ทำสำเร็จ รอบก่อนรองชนะเลิศมาถึงพร้อมๆ กับที่กระแสความคลั่งไคล้ "นักเตะเทวดา" ระบาดทั่วแผ่นดินทิวลิป ฮอลแลนด์โชว์ฟอร์มเฉียบชนะเบลเยียมใสสะอาด 5-0 ก่อนตามมาเชือดอีก 2-1 เยอรมันตะวันตกเริ่มรับรู้ถึงการจ้องล้างแค้นของ ฮอลแลนด์ อินทรีเหล็กเสมอสเปน 1-1 ที่มาดริด ก่อนที่เฮอเนสจะชุปชีวิตส่งเยอรมันตะวันตก เข้ารอบต่อไปทันทีเมื่อพาทีมหักเขากระทิงลงได้
ทางที่ทอดรอดอยู่ไม่ค่อยราบรื่นนัก อินทรีเหล็กต้องพบกับยูโกสลาเวียเจ้าถิ่นในการเตะที่ เบลเกรดในรอบตัดเชือก เชินเจอข่าวร้ายหลายระลอก ไฮย์เกสต้องเข้ารับการผ่าตัด คุลมันน์ บาดเจ็บ เบ๊คเค่นเบาเออร์อยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการเจ็บชายโครง ขณะที่ยูโกฯ ฮึดสยบเวลส์ จนได้เข้ารอบและเชโกฯ ผ่านเข้ามาได้เพราะการกระแทรกหมีขาวกระเด็น ฮอลแลนด์ยังไม่ใส่ใจว่าน้ำหน้าอย่างเชโกฯ จะทำอะไรพวกเขาได้ เพราะฮอลแลนด์ขณะนั้นมีนักเตะจากชุดรองแชมป์โลกถึง 9 คน แต่ค่ำวันที่ 16 มิถุนายน 1976 ท่ามกลางสายฝนที่ซาเกร็บ สายน้ำตาของกองเชียร์ดัตช์ก็ไหลปนกับน้ำฝน เชโกฯ เอาชนะฮอลแลนด์สำเร็จหลังการต่อเวลาด้วยสกอร์ 3-1 ทีมสลาฟลงสนามเจอแชมป์เก่าในวันรุ่งขึ้นที่เบลเกรด ยูโกฯ ซึ่งได้เสียงเชียร์อื้อซ่าโชว์ฟอร์มสวยสมกับที่ชาวสลาฟรอดู กว่าเยอรมันตะวันตกจะชนะเจ้าภาพได้ก็เลือดตาแทบกระเด็น ฮอลแลนด์ซึ่งสั่งสมความแค้นแน่นอกระบายอารมณ์ด้วยการขับเคี่ยวกับเจ้าภาพในแมตช์ชิงที่ 3 อย่างเผ็ดร้อนก่อนชนะไป
นัดชิงชนะเลิศระหว่างเยอรมันตะวันตกกับเชโกฯ ดำเนินมาถึง ครบ 120 นาที สกอร์ยังไม่ขยับ เดิมที หากเกิดกรณีเช่นนี้จะต้องจัดให้มีการแข่งใหม่ แต่ในศึกยูโรคราวนี้เองที่คณะผู้จัดการแข่งขันให้เปลี่ยนมาใช้การยิงจุดโทษหาแชมป์หากยังไม่มีใครชนะหลังการดวลครบ 120 นาที ด้านเชโกฯ นั้นซ้อมยิงจุดโทษไว้แล้ว พร้อมกำหนดดาวสังหารไว้เสร็จสรรพได้แก่ มาสนี่, เนโฮด้า, ออนตรุส, เยอร์เควิช และพาเนนก้า ส่วนฝ่ายอินทรีเหล็กยังคงมีแต่ความวุ่นวาย ทั้งสตาฟฟ์โค้ชและนักเตะเถียงกันอยู่นานว่าใครจะเป็นผู้ยิง จนกระทั่งไกเซอร์ ฟร้านซ์ต้องชี้ตัวซึ่งภาระหน้าที่ตกอยู่กับบอนโฮฟ,บองการ์ทซ์,โฟลห์,เฮอเนสและเบ๊คเค่นเบาเออร์ ฝ่านไปข้างละ 3 ราย ยังเสมอกันที่ 3-3 เฮอเนสรับหน้าที่เป็นคนที่ 4 แล้วเขาก็ซัดลูกข้ามคานหายเข้าไปยังกลุ่มคนดู เฮอเนสได้แต่ยืนเอามือปิดหน้าอย่างสุดเศร้าราวไม่อยากเชื่อว่าภาพที่ตนเพิ่มเห็นกับตาเป็นความจริง ต่อ พาเนนก้าส่งบอลผ่านเซปป์ ไมเออร์ อย่างละมุนละม่อนการแข่งขันยุติลงแล้ว 5-3 สำหรับเชโกสโลวะเกียผู้ที่ถูกมองว่า ไม่มีราศีสมตำแหน่งแชมป์ยุโรป
ข่าวฮอต
อันดับ | ทีม | W/D/L | แต้ม |
---|
เมือง&สนามบอล
ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
ปีี | ชนะเสิศ | รองชนะเสิศ | อันดับ 3 |
---|---|---|---|
2008 | สเปน | เยอรมัน | รัสเซีย / ตุรกี |
2004 | กรีซ | โปรตุเกส | เนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก |
2000 | ฝรั่งเศส | อิตาลี | เนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส |
1996 | เยอรมัน | สาธารณรัฐเช็ก | ฝรั่งเศส / อังกฤษ |
1992 | เดนมาร์ก | เยอรมัน | เนเธอร์แลนด์ / สวีเดน |
1988 | เนเธอร์แลนด์ | สหภาพโซเวียต | อิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก |
1984 | ฝรั่งเศส | สเปน | เดนมาร์ก / โปรตุเกส |
1980 | เเยอรมนีตะวันตก | เบลเยียม | เชโกสโลวะเกีย |
1976 | เชโกสโลวะเกีย | เเยอรมนีตะวันตก | เนเธอร์แลนด์ |
1972 | เเยอรมนีตะวันตก | สหภาพโซเวียต | เบลเยียม |
1968 | อิตาลี | ยูโกสลาเวีย | อังกฤษ |
1964 | สเปน | สหภาพโซเวียต | ฮังการี |
1960 | สหภาพโซเวียต | ยูโกสลาเวีย | เชโกสโลวะเกีย |