หน้าแรก - ประวัติฟุตบอลยูโร - ครั้งที่ 3 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1968 (อิตาลี)

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1968

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้น อังกฤษผงาดขึ้นคว้าถ้วยจูลส์ ริเม่ต์ไปครอง ทิ่งให้เยอรมันตะวันตกเป็นแค่...รองแชมป์!!! และในรอบรอบรองชนะเลิศเวิลด์ คัพ 1966 นั้นทั้ง 4 ทีมล้วนเป็นทีมในยุโรปทั้งสิ้น

นั่นเป็นสัญญาณว่า มหาอำนาจลูกหนังโลกกำลังย้ายจากแดนละตินอเมริกามาสู่ทวีปเก่าแล้วศึกยูโรครั้งที่ 3 เยอรมันตะวันตกตอบรับเข้าร่วมแข่งขัน พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ ไม่เพียงเพราะต้องรีบกู้ชื่อ แต่หากยังเล่นตัวต่อไปก็อาจถูกยูฟ่าตัดหางปล่อยวัดเอาง่ายๆ สก๊อตแลนด์ ก็ต้องเข้าร่วมด้วยเหตุเดียวกัน

"ยูโรเปี้ยน เนชั่นส์ คัพ" ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "ยูโรเปี้ยน ฟุตบอล แชมเปี้ยนชิพ" ในคราวนี้ซึ่งชาติที่ร่วมแข่งขันมีด้วยกัน 31 ชาติ และมาพร้อมกับการเปลี่ยนระบบการแข่งขันจากแบ น็อคเอาท์ ในรอบคัดเลือก มาเป็นแบบแบ่งกลุ่ม และใช้มาจนถึงทุกวันนี้

การแบ่งกลุ่มเตะรอบคัดเลือก โดย31 ทีมดังกล่าวถูกแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมี 4 ทีม มีแต่กลุ่ม 4 เท่านั้นที่มีเพียง 3 ทีมยูโกฯ เยอรมันตะวันตก และแอลเบเนีย การมาลุยยูโรครั้งแรกของผองอินทรีเหล็กทำให้พวกเขาเป็นที่จับตามองมากเหลือเกิน กลุ่ม 4 นั้นไม่ใช่สายหินเพราะแค่ทีมเมืองเบียร์เผด็จศึกสลาฟได้ก็สบายแฮแล้ว เนื่องจากทีมอย่างแอลเบเนียเป็นได้แค่หมูให้เชือด

รองแชมป์โลกสยบแอลเบเนียเละเทะ 6-0 แต่ความลำพองของชาวเบียร์ก็ดำดิ่งเมื่อต่อมายูโกฯ เป็นผู้สั่งสอนเยอรมันตะวันตกด้วยสกอร์ 1 - 0 โดยที่ยังต้องสูญเสีย "ไอ้ลูกระเบิดเพลิง" แกร์ด มุลเลอร์ เพราะแขนหักอีกต่างหาก อินทรีเหล็กล้างแค้นในคราวต่อมา สกอร์ 3-1 ที่เยอรมันตะวันตกได้จาก โลห์ร, ซีเล่อร์และมุลเล่อร์ทำให้ภาพรวมของพวกเขาน่าวางใจมากขึ้น และการออกไปเยือนแอลเบเนีย ในนัดสุดท้ายที่กรุงติราน่าก็ไม่ควรน่าหนักใจ แต่จากการที่ยูโกฯ ถล่มแอลเบเนียทั้งสองนัดรวม 6-0 อินทรีเหล็กเลยต้องชนะสถานเดียว เฮลมุท เชิน บุนเดส เทรนเนอร์ไม่ได้ประมาทส่งศิษย์เอกอย่าง คุปเป้อร์ส, เน็ทเซ่อร์, โอเวอรัธ, ปีเตอร์ ไมเอ้อร์, ฮันเนสโลห์ร, ฟร้าซ์ เบ๊คเค่นเออร์ และอูเว่ ซีเลอร์ ลงครบครัน ทว่าหลังบดกันครบ 90 นาที แอลเบเนียประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่เพราะยันทีมเบียร์ไว้ได้ที่ 0-0 แต่ในทางตรงกันข้าม ความสำเร็จของพวกเขามีค่าเท่ากับความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของเชินและลูกทีม ชาวแอลเบเนียเฉลิมฉลองราวได้แชมป์โลกก็ไม่ปาน บทเรียนราคาแพงนี้ทำให้เยอรมันตะวันตก อายจนแทบแทรกแผ่นดินที่ต้องล่องจุ๊นตั้งแต่รอบคัดเลือก

รายการยักษ์สลดยังมีตามมาโดยเชโกฯ พลิกพ่ายทีมยักษ์เขียวคาบ้าน 1-2 ปล่อยให้สเปนแชมป์เก่า ลอยลำเข้ารอบ และอีกรายคือโปรตุเกสที่ได้แค่เจ๊าบัลแกเรียในขณะเดียวกัน นักเตะหมีขาวยังไม่สร้างความผิดหวังลงเตะ 6 นัด แพ้เพียงนัดเดียว ด้านผู้หลงเหลือจากกลุ่มอื่นๆ ไม่มีการพลิกโผ ฮังการีและอิตาลีเข้ารอบตามคาด ส่วนอังกฤษต้องเอาศักดิ์ศรีมาพิสูจน์กับสก๊อตแลนด์ที่แฮมป์เดน ปาร์ค แล้วอังกฤษก็เป็น 1 ใน 8 ทีมสุดท้ายโดยชาติที่เหลือก็ประกอบด้วย สเปน, บัลแกเรีย, โซเวียต, อิตาลี, ฝรั่งเศส ยูโกสลาเวียและฮังการี

รอบควอเตอร์ไฟนั่ล อังกฤษเจอสเปน ฮังการีล่อกับโซเวียต ฝรั่งเศสฉะสลาฟ ส่วนบัลแกเรีย ได้ทีมอัซซูรีเป็นคู่พะบู๊ ใน 4 คู่นี้ แฟนบอลสะดุดตาที่คู่สเปนกับอังกฤษ นั่นเพราะฝ่ายหนึ่งคือแชมป์เก่า ส่วนอีกฝ่ายเป็นแชมป์โลก แฟนบอลแสนกว่าคนเข้าสู่เมกกะลูกหนัง...เวมบลีย์ในมหานครลอนดอน สเปนเหนียวเหลือใจ เพราะว่าไม่ว่าโรเจอร์ ฮันท์, ไมค์ ซัมเมอร์บีหรือปีเตอร์สจะสาดบอลเข้าไปเท่าไหร่ นายทวารสเปน รับกินหมด แต่ก่อนหมดเวลาเพียง 6 นาที อังกฤษก็กระชากใบเบิกทางสู่รอบต่อไปสำเร็จด้วยฤทธิ์ของบ๊อบบี้ ชาร์ลตัน สเปนเตรียมการแก้มือมาอย่างดีในนัดที่สองหลังอามันซิโอกระแทกลูกแรกให้สเปนเป็นฝ่ายนำ ใครๆ ต่างคาดว่าสิงโตคงคำรามไม่ออกแน่ในคราวนี้แต่ครึ่งหลังอังกฤษก็โงหัวขึ้นขณะที่ทางทีมกระทิงดุชักแผ่ว เพราะโหมหนักมาตลอด และ 1 ประตูจากปีเตอร์ส กับอีก 1 ของโรเจอร์ ฮันท์ ทำให้อังกฤษ ได้ไปเหยียบแผ่นดินมะกะโรนี สังเวียนรอบสุดท้ายศึกยูโร 1968

อีก 3 ยักษ์ใหญ่ในรอบรองก็มีทีมอัซซูรี เจ้าถิ่นและแขกประจำอย่างยูโกสลาเวียกับโซเวียตฤดูร้อนปี 1968 ชาวมะกะโรนีตกอยู่ในอาการคลั่งฟุตบอล เกมดวลแข้งระหว่างอิตาลีกับโซเวียตเป็นไปท่ามกลาง สายฝนอันหนักหน่วง หลังบดกัน 120 นาท ต่างยังทำอะไรกันไม่ได้สมัยนั้นยังไม่มีการเตะลูกโทษหาผู้ชนะ ผู้แพ้ ชะตาแชมป์ของทั้งสองเลยตกอยู่กับการโยนเหรียญผลจากการโยนหัว-ก้อย เจ้าภาพเฮงกว่า ถลาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศสมใจอยาก ส่วนคู่ตัดเชือกระหว่างยูโกฯกับอังกฤษนั้น เป็นที่คาดกันว่าฝ่ายหลังจะเป็นผู้ชนะ แต่ก่อนเวลาหมดลงเพียง 5 นาทีซึ่งเป็นช่วงที่เทรนเน่อร์ทั้งสองทีมเตรียมวางแผนใหม่ให้ลูกทีมเพื่อเล่นในช่วงต่อเวลา ซายิชก็สปีดขึ้นมาในลีลาหลบหลีกก่อนส่งบอลผ่านมือกอร์ดอน แบ๊งค์ส นายทวารอังกฤษ สิงโตคำรามกลายเป็นสิงห์หงอย จำใจลงเตะนัดชิงที่ 3 กับหมีขาว

8 มิถุนายน 1968 โอลิมปิก สตาดิโอนในกรุงโรมแน่นขนัด และชาวอิตาเลี่ยนก็ชอกหมู่ทั้งชาติ เมื่อซายิชยิงให้สลาฟนำไปก่อนในนาทีที่ 39 อิตาลีต้องรอจนถึงนาทีที่ 80 กว่า โดเม็งกินี่ จะทำการตีเสมอชุบชีวิตทีมซึ่งกำลังจะหลงหลุมให้ฟื้นขึ้นาอีกครา ครบ 90 นาท ยังเสมอกัน 1-1 และจนกระทั่งหมดช่วงต่อเวลาก็ยังไม่ได้ผู้ชนะ ยุคนั้นการวัดดวงด้วยจุดโทษยังไม่มีในสารบบสองวันให้หลัง แมตช์ชิงนัดล้างตาก็เกิดขึ้น ริว่าอิตาลีขึ้นยืนบนบันไดสู่บัลลังก์แชมป์ด้วยลูกยิงในนาทีที่ 12 และพออนาสตาซี่กระหน่ำประตูที่ สองให้อิตาลี อัซซูรี่หันมาสู่ระบบคาเตนัดโช่ ตีหัวแล้วรีบย่องกลับบ้านอย่างเคย แล้วแชมป์ยูโร 1968 ก็ตกอยู่กับอิตาลี ผู้ประกาศตนว่าได้ล้างอายจากการโดนทีมอย่างเกาหลีหนือเตะตกรอบฟุตบอลโลก1966

ตารางคะแนน
    อันดับ ทีม W/D/L แต้ม

    เมือง&สนามบอล

    ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา

    ปีี ชนะเสิศ รองชนะเสิศ อันดับ 3
    2008สเปนเยอรมันรัสเซีย / ตุรกี
    2004กรีซโปรตุเกสเนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก
    2000ฝรั่งเศสอิตาลีเนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส
    1996เยอรมันสาธารณรัฐเช็กฝรั่งเศส / อังกฤษ
    1992เดนมาร์กเยอรมันเนเธอร์แลนด์ / สวีเดน
    1988เนเธอร์แลนด์สหภาพโซเวียตอิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก
    1984ฝรั่งเศสสเปนเดนมาร์ก / โปรตุเกส
    1980เเยอรมนีตะวันตกเบลเยียมเชโกสโลวะเกีย
    1976เชโกสโลวะเกียเเยอรมนีตะวันตกเนเธอร์แลนด์
    1972เเยอรมนีตะวันตกสหภาพโซเวียตเบลเยียม
    1968อิตาลียูโกสลาเวียอังกฤษ
    1964สเปนสหภาพโซเวียตฮังการี
    1960สหภาพโซเวียตยูโกสลาเวียเชโกสโลวะเกีย