ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรวมไปถึงการรายการฟุตบอลระดับนานาชาติที่มีสองชาติเป็นเจ้าภาพร่วมกันจัดการแข่งขัน นั่นคือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ เบลเยี่ยม ปรากฎการดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (International Football Association) หรือ ฟีฟ่า (FIFA) จะตัดสินให้ ประเทศ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วม ในการจัดฟุตบอลโลกในอีก 2 ปีถัดมา
อย่างไรก็ตาม ชาติที่ได้ครองแชมป์ในปี 2002 นั่นคือ ทีม "ตราไก่" ฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นการครองถ้วย อองรี เดอลานี่ย์ เป็นครั้งที่สองของทีมหลังจากที่ดาวิด เทรเซเกล ดาวยิงตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมา ซัดประตู "โกลเด้นโกล" เฉือน ทีม "อัซซูรี่ " อิตาลี ไปได้ 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ยูโร 2000
เป็นฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์ใหญ่รายการแรก ที่ใช้การจัดแบบเจ้าภาพร่วม ซึ่งก็คือ ฮอลแลนด์ กับ เบลเยี่ยม
ก่อน อื่นต้องออกตัวก่อนว่า ยูโรครั้งนั้น ผมมีทีมที่ติดตาม นอกเหนือ ไปจากทีมชาติอังกฤษ ซึ่ง ก็คือทีมเบลเยี่ยม ด้วยเหตุผล ที่ค่อนข้างจะผูกพันกับประเทศนี้มาก่อน เพราะนอกจากเบียร์ และช็อกโกแลตจะอร่อย แล้ว สาวผมบลอนด์ยังสวยอีก
ช่วงอุ่นเครื่องก่อนแข่ง เบลเยี่ยมทำท่ามาดีสุด ๆ ก็นัดอุ่นเครื่องชนะ ฮอลแลนด์ ไปมโหฬาร 5-3 นี่แหละมั้ง
คือ ก่อนอื่น ต้องเข้าใจว่า เบลเยี่ยมเนี่ย มีภาษาราชการ สามภาษา คือ เยอรมัน (ซึ่งน้อยมาก ประมาณหนึ่งเปอร์เซนต์ของประชากรทั้งหมด) แล้วก็ฝรั่งเศส กับเฟลมมิช ซึ่งก็เหมือนภาษาดัตช์นั่นแหละ จะมีประมาณครึ่ง ๆ แต่คน เฟลมมิช หรือเชื้อสายดัตช์ จะมีเยอะกว่า เบลเยี่ยมเชื้อสายฝรั่งเศสหน่อย
แล้วทีนี้ คนเบลเยี่ยม โดยเฉพาะคนเชื้อสาย เฟลมมิช จะรู้สึก "กระเหี้ยนกระหือรือ" อยากแข่งกับ คนดัตช์จากฮอลแลนด์มาก ๆ
ในทำนองเดียวกัน คนฮอลแลนด์ ก็จะไม่่ค่อยชอบ คนเฟลมมิช และมักจะล้อเลียนสำเนียง เสมอ ๆ
คงอารมณ์ คนอังกฤษ ชอบล้อเลียน คนสก็อต หรือไอริช นั่นแหละครับ
แล้วทีนี้ พอ เบลเยี่ยมชนะฮอลแลนด์ได้สักครั้งคนเบลเยี่ยมก็จะคุยฟุ้งเป็นวัน ๆ เลย เอา กับมันเข้าไปสิคับเรียกว่า ชนะฮอลแลนด์ได้ในนัดอุ่นเครื่องเี่นี่ย คนเบลเยี่ยมบางคน ถึงกับฝัน หวานว่า เบลเยี่ยม จะเข้ารอบลึก ๆ ได้เลยเชียว
ทีนี้พอแข่งจริง ๆ ดันตกรอบแรก เสียนี่
แม้ ว่านัดแรกจะชนะสวีเดนไปได้ 2-1 แต่ ลูกแรกที่ยิงนำ 1-0 เรามองว่าเอมิล เอ็มเพ็นซ่า แฮนด์บอลแต่กรรมการมองไม่ทัน ก็เลยยกประโยชน์ให้ทีมเจ้าภาพไป
นัดสองก็แพ้ อิตาลีไปตามฟอร์ม 2-0 จำ ได้ว่านัดนั้น เบลเยี่ยมพยายามทำเกมส์ โดยใช้ปีก สองข้างซ้ายขวา บุกไปให้ถึงเส้นหลัง แต่ ปีกมันดูทื่อ ๆ ยังไงก็ไม่รู้ เลยไม่เคยผ่านแบ๊คสองข้างอิตาลีไปได้ เลย ต้อง เปิดบอล จากแถว ๆ ริม ๆ เส้น เลยหัวกระโหลก เขตโทษเข้าไป แล้วกองหน้าก็ไม่เคยจะได้โหม่งเสียที
นัด สุดท้าย นี่เบลเยี่ยม หวังว่าจะชนะตุรกี แล้วเข้ารอบได้ แต่ดันถูกทีมเติร์กตั้งรับแล้วโต้กลับ ชนะไป แบบเจ็บแสบ ชนิดที่เรียกว่า ชุมชน ตุรกี ในเบลเยี่ยมเฮสนั่นลั่นทุ่ง กลุ่มใหญ่สุด ในเมื่องเบรเคม (ชานเมืองอันทเวิร์ปมั้ง)
แบบนั้นเหมือนเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ ความกดดัน เลย เพราะปกติ คนเติร์ก ในเบลเยี่ยม มักจะโดนมองด้วยความรู้สึกเหยียดยาม แบบเป็นนัย ๆ อยู่แล้ว
เบลเยี่ยมก็เลยตกรอบไปตามระเบียบ
ปล่อยให้ตุรกีเข้ารอบแปดทีมสุดท้ายตามอิตาลีไป แต่ ทีมเติร์ก ก็ไปได้แค่นั้นเมื่อไปแพ้ โปรตุเกสในรอบแปดทีม
สิ่งเดียวที่ ชาวเบลเยี่ยมพอจะรู้สึกสะใจได้ ก็คือ ฮอลแลนด์ ภายใต้การนำของแฟรงค์ ไรจ์การ์ดไม่ได้แชมป์ เพราะดันไปตกม้าตาย แพ้อิตาลีในรอบรองชนะเลิศได
นักเตะที่เป็นตัวตลกให้คนเบลเยี่ยมล้อเลียนฮอลแลนด์ มาจนบัดนี้ก็เห็นจะไม่พ้น "แฟรงค์ เดอบัวร์" นะครับ
เพราะ หมอนี่เล่นยิงลูกโทษไปให้ ฟรานเชสโก้ ตอลโด้ เซฟได้ถึงสองครั้ง ทั้งในเกมส์ แล้วก็การตัดสิน หลังจากเสมอกันในเวลาปกติ ทั้ง ๆ ที่อิตาลี โดนไล่ออกไปหนึ่งคนแท้ ๆ ถึงขนาดที่ว่า อาจารย์ที่โรงเรียนมัธยม ที่ผมเรียนอยู่ ยกตัวอย่างการต่อสู้ของอิตาลี ให้เด็ก ๆ ที่เรียนไม่เก่ง แต่กำลังจะสอบเอ็นให้ดู อิตาลีเ็ป็นตัวอย่าง
ว่าไปขนาดนั้นเลยนะครับคุณครู้
เพราะ ความล้มเหลวของฮอลแลนด์นี่แหละ เลยทำให้คนเบลเยี่ยมไม่รู้สึกเสียหน้าจนเกินไปนัก ทั้ง ๆ ที่ประเทศตัวเองตกรอบแรก แค่นี้มันก็ยังเอา
ทีมที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ อังกฤษ กับเยอรมัน ใน รายของเยอรมันเนี่ย เรื่องที่น่าทึ่งที่สุดก็คือ โลธาร์ มัทเธอุส แม้ว่าอายุอานาม จะเฉียดสี่สิบแ้ล้วแต่ ทัวร์นาเม้นท์นั้นเฮียแกยังติดทีมชาติอยู่นะครับ !!!
ถึงขนาดมีคนแซวว่า เพราะมีโลธาร์ มัทเธอุส เป็นเจ้าภาพ เยอรมันเลยตกรอบแรก ฮาฮา
ส่วน อังกฤษ นี่ทำท่าจะออกสตาร์ตได้ดี ยิงนำโปรตุเกสไปถึง 2-0 จากแม็คมานามาน แล้วก็สโคลส์ แต่ดันโดน โปรตุเกส ยิงแซง กลับมาชนะ 3-2 หน้าตาเฉย
แม้ว่านัดที่สองจะชนะ เยอรมันไปได้ จากการยิงของอลัน เชียเรอร์ แต่นัดที่สามก็ไปแพ้โรมาเนีย เพราะการทำเสียจุดโทษของฟิล เนวิลล์นี่แหละ
จริง ๆ ทัวร์นาเม้นท์ นั้นมีประเด็นร้อนมากมาย ถ้าจำไม่ผิด ก็ เห็นจะมีความมหัศจรรย์ของตอลโด้ หรือ ประเด็นที่ โปรตุเกสแพ้ฝรั่งเศส ในรอบรองชนะเลิศ เพราะจุดโทษปัญหา ที่นักเตะโปรตุเกสมองว่าไม่ควรจะเป็นจุดโทษ นั่นแหละ
ถึงขนาดมีใครก็ไม่รู้ จุดชนวนข้อถกเถียงมาว่า ยูฟ่า มีใบสั่ง ให้นัดชิงชนะเลิศปีนั้น เป็นฝรั่งเศส กับ ฮอลแลนด์ !!!
แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ ใส่ใจอะไรมาก เพราะอังกฤษและเบลเยี่ยมที่ผมตามเชียร์ ตกรอบไปแล้ว
ไม่ได้ดูกระทั่งนัดชิงชนะเลิศ และประตูดับฝันอิตาลีของดาวิด เทรเซเกต์ด้วย
ข่าวฮอต
อันดับ | ทีม | W/D/L | แต้ม |
---|
เมือง&สนามบอล
ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
ปีี | ชนะเสิศ | รองชนะเสิศ | อันดับ 3 |
---|---|---|---|
2008 | สเปน | เยอรมัน | รัสเซีย / ตุรกี |
2004 | กรีซ | โปรตุเกส | เนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก |
2000 | ฝรั่งเศส | อิตาลี | เนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส |
1996 | เยอรมัน | สาธารณรัฐเช็ก | ฝรั่งเศส / อังกฤษ |
1992 | เดนมาร์ก | เยอรมัน | เนเธอร์แลนด์ / สวีเดน |
1988 | เนเธอร์แลนด์ | สหภาพโซเวียต | อิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก |
1984 | ฝรั่งเศส | สเปน | เดนมาร์ก / โปรตุเกส |
1980 | เเยอรมนีตะวันตก | เบลเยียม | เชโกสโลวะเกีย |
1976 | เชโกสโลวะเกีย | เเยอรมนีตะวันตก | เนเธอร์แลนด์ |
1972 | เเยอรมนีตะวันตก | สหภาพโซเวียต | เบลเยียม |
1968 | อิตาลี | ยูโกสลาเวีย | อังกฤษ |
1964 | สเปน | สหภาพโซเวียต | ฮังการี |
1960 | สหภาพโซเวียต | ยูโกสลาเวีย | เชโกสโลวะเกีย |