ลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง อิตาลีได้รับเลือกเป็นสังเวียนเตะในรอบสุดท้ายที่มีทีมลงแข่งด้วยกัน 8 ทีม รูปแบบการเตะแบ่งเป็นสองกลุ่มๆ ละ 4 ทีม และทีมอัซซูรีเข้ารอบโดยอัตโนมัติในฐานะเจ้าภาพ 32 ชาติจากสมาชิก 34 ชาติของยูฟ่าสมัครเข้าแข่งขันในคราวนี้ ทองไม่รู้ร้อนก็คือชาติเล็กกระจิดริดอยางลิกเตนสไตน์และแอลเบเนียเมื่ออิตาลีเข้ารอบโดยอัตโนมัติ จึงเหลือเพียง 31 ทีมที่ต้องแก่งแย่งกันเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย 31 ทีมถูกแบ่งเป็น 7 กลุ่มๆ ละ 4 ทีม กลุ่ม1, 2 และ 4 มีกลุ่มละ 5 ทีม จ่าฝูงของแต่ละสายเท่านั้นที่จะได้เข้ารอบ
กลุ่ม 1
ประกอบด้วย อังกฤษ, ไอร์แลนด์เหนือ, ไอร์แลนด์, บัลแกรเรีย และ เดนมาร์ค ที่1ของสายได้แก่ ทีมอังกฤษเข้ารอบ ชนะ 7, เสมอ 1 ได้ 22 เสีย 5 แต้ม 15 ทิ้งที่2 6 แต้ม
กลุ่ม 2
เบลเยี่ยม, ออสเตรีย, โปรตุเกส, สก๊อตแลนด์ และนอร์เวย์ ที่1ของสายเบลเยี่ยมเข้ารอบ
กลุ่ม 3
สเปน,ยูโกฯ,โรมาเนียและไซปรัส ที่1ของสาย สเปน ชนะ 4 เสมอ 1แพ้ 1 แต้ม 9 เข้ารอบ
กลุ่ม 4
ฮอลแลนด์,โปแลนด์,เยอรมันตะวันออก,สวิสฯและไอซ์แลนด์ ที่1ของสาย ฮอลแลนด์เข้ารอบ
กลุ่ม 5
เชโกฯ,ฝรั่งเศส,สวีเดนและลักแซมเบิร์ก ที่1 ของสาย เชโกฯ เข้ารอบ โดยชนะ 5 แพ้ 1
กลุ่ม 6
กรีซ,ฮังการี,ฟินแลนด์และโซเวียต ใครๆคิดว่าโซเวียตผ่านฉลุยแต่เอาเข้าจริง หมีขาวสร้าง เซอร์ไพรส์ด้วยการตกรอบ ในขณะเดียวกัน กรีซสร้างความประหลาดใจ ผ่านเข้าสู่เมเจอร์ ทัวร์นาเมนต์ เป็นหนแรก กรีซ ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 2 มี 7 แต้ม มากกว่าฮังการีและฟินแลนด แค่ 1 คะแนน ส่วนพญาหมีขาอยู่อันดับสุดท้ายของกลุ่ม มีแค่ 5 แต้ม ชนะ 1 เสมอ 3 แพ้ 2
กลุ่ม 7
เยอรมันตะวันตก,ตุรกี,เวลส์และมอลตา กลุ่มสุดท้ายมีอดีตแชมป์ปี 1972 อย่างอินทรีเหล็กนักเตะด๊อยทัชเดินทางสู่อิตาลีด้วยผลงานดีเยี่ยม คือนับแต่จุ๊ปป์ แดร์วัลเข้ามาคุมทีมหลังศึกฟุตบอลโลกที่แดนฟ้าขาว เยอรมันตะวันตกปราชัยไม่เป็นถึง 15 นัดติดต่อกัน ที่ 1 ของสายเยอรมันตะวันตก
สำหรับอิตาลีที่เข้ารอบแบบไม่ต้องออกแรงแฟนบอลรวมชาติหวังว่าหนนี้ อิตาลีจะคว้าแชมป์ ยุโรปได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ "ขรัวเฒ่า" เอ็นโซ แบร์ซ็อทเชื่อ เขารู้ดีว่าศึกคราวนี้ใหญ่หลวงเหลือเกินการถ่ายเลือดใหม่เกิดขึ้นเมื่อปรากฏว่าอัซซูรี่ชุดนี้มีอายุเฉลี่ยร่วม 30 ปี
รอบ 8 ทีมสุดท้ายแบ่งออกเป็น 2 สาย สายที่1 มี เยอรมันตะวันตก,เชโกฯ,ฮอลแลนด์และกรีซ สายที่ 2 มี อิตาลีเจ้าภาพ,เบลเยี่ยม,อังกฤษและสเปน ซึ่งนับว่าสายหินทีเดียวสำหรับเจ้าภาพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายเริ่มโดยการล้างแค้นของอินทรีเหล็กต่อเชโกฯ ความเกร็งในนัดนี้ทำให้เกมไม่สนุก แต่ 1-0 ก็เพียงพอต่อการชำระบัญชี ผู้ทำประตู รุมเมนิเก้ ที่สนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก้ ตามมาด้วยคู่ฮอลแลนด์กับกรีซ ซึ่งเชือดกรีซร่วงไปตามคาด แต่กว่าจะชนะได้ก็ต้องรอจนถึง นาทีที่ 64 ได้ลูกโทษ ซึ่งคิสต์เป็นผู้สังหารเข้าไปแล้ว เผลอๆ กองเชียร์อัศวินสีส้มต้องน้ำตาตกได้ถ้าไม่ได้ลูกโทษ แต่พอถึงตาเจ้าภาพ ทีมอัซซูรีกลับทำได้แค่เจ๊าสเปน 0-0 สร้างความเซ็งในอารมณ์ ให้แก่ชาวอิตาเลียน มาถึงแมตช์อังกฤษ-เบลเยียม สิ่งที่ถูกจดบันทึกไว้กลายเป็นการจลาจลที่เกิดขึ้น 24 ชั่วโมงก่อนแข่ง ฮูลิแกนอังกฤษกับอิตาลีตีกันไปหนึ่งยก มีทั้งผู้บาดเจ็บและถูกจับกุม รถยนต์ ร้านค้าได้รับความเสียหาย ความตึงเครียดครอบคลุมไปถึงเกมในสนาม กีย์ ธีส กุนซือเบลจ์ชี้ว่า แมตช์นี้ใครคุมกองกลางได้ก็คือผู้ชนะ เบลเยียมใช้แท็กติกเช็กล้ำหน้าจนทำให้พลพรรคสิงโตคำราม หงุดหวิด แต่นาที่ที่ 26 อังกฤษได้ "เควิน คีแกน" ส่องประตูให้เป็นฝ่ายนำเบลเยียม แต่พวกเขาได้ดีใจเพียง 4 นาที ยัน เคอเลอม็องส์ ไล่ตีเสมอให้เบลเยียมจนได้ และประตูนี้เองปลุกเร้าสันดานดิบของฮูลิแกนเถื่อนชาวผู้ดีขึ้นมา จบเกมเสมอกันไป 1-1 แบ่งกันคนละแต้ม
14 มิ.ย.1980 ซาน เปาโล มาถึงศึกใหญ่ระหว่างอินทรีเหล็กกับทีมกังหันลม ว่าตามเนื้อผ้าแล้ว เกมนัดนี้ไม่ได้เลอเลิศอะไรแต่สิ่งที่สะดุดตาผู้ชมคือการเข้าห้ำหั่นกันแบบสตั๊ดติดดาบ การทำแฮตทริก สำเร็จของเคลาส์ อัลลอฟส์ ทำให้ฮอลแลนด์ต้องเป็นฝ่ายไล่ตามตลอด นาทีที่ 15 อัลลอฟส์ เยอรมัน นำไปก่อน และตามด้วยลูกที่สองของ อัลลอฟส์ในนาทีที่ 60 และนาทีที่ 67 อัลลอฟส์ ก็ทำให้เยอรมัน ทิ้งห่างฮอลแลนด์แบบสบายๆ แต่แล้วนาทีที่ 75 เร็ป ตีไข่แตกและนาทีที่ 86 ฟาน เดอ เคอร์คอฟ ก็ตีให้ฮอลแลนด์ตาม 2-3 แต่จบเกมก่อนที่ฮอลแลนด์จะตามได้ทัน
หลังเสมอกับอังกฤษ เบลเยียมก็วาดลวดลายต่ออายุตัวเองด้วยการหักเขาทีมกระทิงดุสำเร็จสองทีมเต็งอย่างอิตาลีโคจรมาเจอทีมเมืองผู้ดี มาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น แม้เกมจะแรงแต่อังกฤษก็ยังไม่หมดหวัง ตราบกระทั่งนาทีที่ 79 ตาร์เดลลี่ทำให้ศึกยูโร 1980 ของอังกฤษจบลงเพียงเท่านี้ พลาดท่าจากนัดเจออินทรีเหล็ก ฮอลแลนด์ทำได้ดีที่สุดแค่เจ๊าเชกอย่างดุเดือดในนัดต่อมา และนั่นหมายความว่า เส้นทางของพวกเขาถูกตัดเสียแล้ว ส่วนเยอรมันถนอมตัวยิ่งในการเจอกรีซ ผล 0-0 เพียงพอให้เยอรมันตะวันตกจบรอบนี้ในฐานะจ่าฝูง อิตาลีมาวัดดวงกับ เบลเยียมเพื่อหาคู่เข้าไปชิงกับทีมด๊อยท์ช ชาวอิตาเลียนไม่เห็นเบลเยียมอยู่ในสายตา แถมลืมไปว่าแค่เบลเยียมยันเสมอได้ก็ลอยลำ เบลเยียมต้านสุดฤทธิ์เท่าที่มีเรี่ยวแรงและปัญญาก่อนจบลงเสมอกัน 0-0 กลายเป็นคู่ชิงของเยอรมันตะวันตก
นัดชิงที่3 21 มิ.ย.1980 ซาน เปาโล แมตซ์ปลอบใจระหว่าง เชโกฯกับอิตาลี เจ้าภาพจบด้วยเสมอ 1-1 และดวลจุดโทษ ผลเชโกฯ ยิงได้ดีกว่าอิตาลี
นัดชิงชนะเลิศ 22 มิ.ย.1980 สนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก้ กรุงโรม ระหว่างเยอรมันตะวันตก กับเบลเยียมได้ทำให้ฮอร์สท์ ฮรูเบช เจ้าของฉายา "ไอ้ยักษ์โขมด" กลายเป็นฮีโรของชาวเบียร์ ยิงสองประตูให้เยอรมัน ในนาทีที่ 10 และนาทีที่ 88 จบเกมเยอรมันตะวันตกชนะ 2-1 เป็นแขมป์ยูโรสองสมัยทีมแรกในตำนาน
ข่าวฮอต
อันดับ | ทีม | W/D/L | แต้ม |
---|
เมือง&สนามบอล
ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
ปีี | ชนะเสิศ | รองชนะเสิศ | อันดับ 3 |
---|---|---|---|
2008 | สเปน | เยอรมัน | รัสเซีย / ตุรกี |
2004 | กรีซ | โปรตุเกส | เนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก |
2000 | ฝรั่งเศส | อิตาลี | เนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส |
1996 | เยอรมัน | สาธารณรัฐเช็ก | ฝรั่งเศส / อังกฤษ |
1992 | เดนมาร์ก | เยอรมัน | เนเธอร์แลนด์ / สวีเดน |
1988 | เนเธอร์แลนด์ | สหภาพโซเวียต | อิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก |
1984 | ฝรั่งเศส | สเปน | เดนมาร์ก / โปรตุเกส |
1980 | เเยอรมนีตะวันตก | เบลเยียม | เชโกสโลวะเกีย |
1976 | เชโกสโลวะเกีย | เเยอรมนีตะวันตก | เนเธอร์แลนด์ |
1972 | เเยอรมนีตะวันตก | สหภาพโซเวียต | เบลเยียม |
1968 | อิตาลี | ยูโกสลาเวีย | อังกฤษ |
1964 | สเปน | สหภาพโซเวียต | ฮังการี |
1960 | สหภาพโซเวียต | ยูโกสลาเวีย | เชโกสโลวะเกีย |