หน้าแรก - ข่าว - 10 ความทรงจำในเกมยูโร
10 ความทรงจำในเกมยูโร
Posted:04/07/2012

 


              ตอนนี้เกมยูโร 2012 ผ่านรอบแรกไปเรียบร้อยแล้ว ชาติไหนได้เข้าไปดวลในรอบน็อกเอาต์ ก็คงได้รู้กันไปเรียบร้อย และในรอบนี้จะเริ่มดวลกันแบบเข้มข้น เพราะแพ้ตกรอบไม่มีการแก้ตัวอีกแล้ว สัปดาห์นี้มาลองเคาะสนิทออกจากสมอง เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์หรือเกมที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของหลายๆ ท่าน เพื่อไม่ให้เสียเวลามาเริ่มกันเลยดีกว่า


10. โศกนาฎกรรมของฝรั่งเศสเกมดวล กรีซ 

              มีเรื่องน่าผิดหวังสำหรับ โปรตุเกส ซึ่งเป็นเจ้าภาพศึกยูโร 2004 ในเกมนัดเปิดสนาม คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ กรีซ ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายหลังจากที่เฉือนชนะ สเปน 1-0 โดยลูกทีมของ อ๊อตโต้ เรห์ฮาเกิ้ล (นั่งเก้าอี้กุนซือกรีซ ในเวลานั้น) ต้องเจอกระดูกชิ้นโต เพราะต้องพบกับ ฝรั่งเศส ที่เดินทางมายังเมืองฝอยทองในฐานะแชมป์เก่า


             แน่นอนว่าตลอดทั้งเกมทัพ "น้ำหอม" ครองเกมได้ตลอด แต่สุดท้ายพวกเขาต้องเจอกับเรื่องที่สุดแสนเจ็บปวด เมื่อโดนทีเด็ดของ กรีซ ซัดประตูโทน เขี่ย แชมป์โลก และ แชมป์ยุโรป ร่วงตกรอบชนิดที่หักปากกาเซียนเลยทีเดียว ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ กรีซ ยังรวมพลังผ่านด้าน สาธารณรัฐเช็ก ในรอบรองชนะเลิศ และจัดการตอกย้ำความแค้น โปรตุเกส ในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาได้รับสมญานามว่า "เทพนิยายกรีซ"



 

 


 

9. เฮดบัตต์ฉาว 
             เรื่องไม่เป็นเรื่องไม่น่าจะเกิดขึ้นนักเตะอาชีพ โดยเฉพาะในทัวร์นาเมนต์ระดับชาติอย่าง ยูโร 84 โดยเกมนั้น ฝรั่งเศส เปิดสนามรอบแบ่งกลุ่ม พบ เดนมาร์ก และพวกเขาสามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 แต่เรื่องที่อยู่ในความทรงจำก็คือ อโมรอส โดนใบแดง หลังจากที่บันดาลโทสะใช้หัวโขก เจสเปอร์ โอลเซ่น แบ็กขวาทัพ "โคนม"


              เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ตอนที่ อโมรอส พยายามจะลากบอลลุยไปข้างหน้า ก่อนจะถูก โอลเซ่น เสียบหนักจากด้านหลัง ทำให้เจ้าตัวควบคุมอารมณ์ไม่อยู่คว้าบอลขว้างใส่ แต่บอลไม่โดนคู่อริและด้วยเหตุนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบทำให้ อโมรอส อารมณ์ยังค้างจากนั้นเพียงเสียววินาที ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ก็จัดการเฮดบัตต์เข้าที่หน้าคู่แข่งเต็มรัก สุดท้ายผลที่ตามมาก็คือใบแดง



 

 


 

8. โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ "โกลเดนโกล" คนแรก 
           เบียร์โฮฟฟ์ ทำสองประตูช่วยให้ เยอรมนี ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 96 โดยหนึ่งในสองนั้น หัวหอก อูดิเนเซ่ จัดการซัดบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายในช่วงต่อเวลาพิเศษ สำหรับแมตช์นี้ เช็ก ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากจุดโทษของ แพทริค แบร์เกอร์ แต่ เบียร์โฮฟฟ์ จัดการตีเสมอให้กับ "อินทรีเหล็ก" จากนั้นในช่วงทดเวลาพิเศษในนาทีที่ 95 เบียร์โฮฟฟ์ คนเดิมก็ช่วยให้ เยอรมนี คว้าแชมป์ยูโร สมัยที่ 3 ได้สำเร็จ


            จังหวะดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อแนวรับของ เยอรมนี เปิดบอลเข้ามาก่อนที่แดนกลาง "อินทรีเหล็ก" จะโหม่งเช็ดไปให้ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ในเขตโทษ โดยขณะนั้น "ฉลามขาว" ไม่สามารถยิงประตูได้ก็เลยโยนกลับมาให้ เบียร์โฮฟฟ์ ซึ่งบังบอลได้อย่างสุดยอด ก่อนจะพลิกตัวซัดเต็มข้อบอลพุ่งเข้าไปซุกก้นตาข่าย และนั่นคือประตู โกลเด้นโกล ครั้งแรกในการแข่งขันลูกหนังชิงแชมป์ยุโรป



 

 


 

7. จบไม่สวย 
             เดนมาร์ก สร้างเรื่องที่เรื่องว่าเทพนิยายเป็นทีมแรกในศึกยูโร 92 ตอนนั้น ริชาร์ด โมลเลอร์ นีลเซ่น ทำหน้าที่กุมบังเหียน โดยพวกเขามีเวลาเตรียมตัวที่จะเข้ามาร่วมโม่เกือกรายการนี้ เพียงแค่ 11 ชั่วโมงเพื่อแทนที่ ยูโกสลาเวีย ที่โดน ยูฟ่า สั่งแบนเนื่องจากสงครามกลางเมือง


              คิม วิลฟอร์ท ซึ่งต้องพบกับความยากลำบากเนื่องจากลูกสาวของเขาป่วยหนัก ทำให้เจ้าตัวต้องพลาดช่วย เดนมาร์ก ในเกมนัดสุดท้าย รอบแบ่งกลุ่ม เนื่องจากเดินทางเพื่อไปเป็นกำลังใจให้กับลูกน้อย โดย มิดฟิลด์ บรอนด์บี้ กลับมาช่วยทีมในเกมรอบรองชนะเลิศ พบ ฮอลแลนด์ แถมยังยิงประตูในช่วงดวลจุดโทษช่วยทีมชนะ ก่อนจะทำได้อีกครั้ง ในแมตช์ทุบ เยอรมนี 2-0 คว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ ชนิดที่ใครๆ ก็ไม่อยากเชื่อ


                แม้ วิลฟอร์ท จะประสบความสำเร็จกับทัพ "โคนม" แต่ไม่สามารถชดเชยกับการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เมื่อลูกสาวของเขาต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควรหลังจากนั้นเพียงไม่นาน



 

 


 

6. โชคอยู่ข้างสีน้ำเงิน  
               บรรดา ผู้เชี่ยวชาญและนักเตะต่างก็คิดเหมือนกันว่าการดวลจุดโทษก็เหมือนกับการซื้อ ลอตเตอร์รี่ ใครดวงเฮงกว่ากันก็ชนะไป มันปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นแนวทางที่แสนโหดร้ายในการตกรอบ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นแนวคิดที่ดีกว่าการโยนเหรียญเสี่ยงโชคเพื่อหาทีมชนะ ซึ่งอยากจะบอกว่านี่คือวิธีการที่แสนปวดสำหรับผู้แพ้ยิ่งกว่าการดวลจุดโทษซะ อีก


               ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่มีคนพูดถึงจนทุกวันนี้ก็คือ อิตาลี ชนะ สหภาพโซเวียต ในรอบรองชนะเลิศ ศึกยูโร 68 โดยตอนนั้นทั้งสองทีมไม่มีปัญญายิงประตูกันได้เลยตลอด 120 นาที ในแมตช์ที่สนามเซา เปาโล เมืองเนเปิ้ลส์ สุดท้ายกรรมการตัดสินใจควักกระเป๋าเพื่อหยิบเหรียญขึ้นมา โดยฝั่ง โซเวียต เลือกผิด ส่งผลให้ทัพ "อัซซูรี่" ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ และคว่ำ ยูโกสลาเวีย ได้สำเร็จ ในนัดรีเพลย์



 

 


 

5. ฮีโร่ขี้เมา
               แมตช์ที่สุดน่าตื่นเต้นและระทึกใจคงหนีไม่พ้น อังกฤษ พบ สกอตแลนด์ ในศึกยูโร 96 โดยงานนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นมหาบิ๊กแมตช์เลยทีเดียว เนื่องจากเป็นการสู้กันระหว่างชาติพี่เมืองน้องที่มีปัญหากินแหนงแคลงใจกัน อยู่


               "สิงโตคำราม" ทำผลงานได้ดีเมื่อขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากนั้น พอล แกสคอยน์ ก็โชว์ทักษะขั้นเทพหลังจากได้บอลจาก ดาร์เรน แอนเดอร์สัน จากนั้นก็กระดกบอลข้ามหัว โคลิน เฮนรี่ กองหลังทัพ "วิสกี้" ก่อนจะตะบันด้วยเท้าขวาเต็มข้อผ่านมือนายทวารสกอตแลนด์ จากนั้น "แก๊สซ่า" ก็วิ่งไปฉลองประตูสุดสวยด้วยการนอนลงแล้วรอให้เพื่อนร่วมทีมฉีดน้ำเข้าไป ซึ่งเป็นการประชดประชันที่ตนเองโดนวิจารณ์เรื่องดื่มเมรัย



 

 


 

4. ฮอลแลนด์ ช็อกจากจุดโทษ 
                ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล มีโอกาสได้เล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 ซีซั่นก่อนที่จะไปสร้างตำนาน "ยักษ์เดนส์" เมื่อโชว์ฟอร์มจอมหนึบใน ยูโร 92 จนช่วยให้ เดนมาร์ก ผงาดคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์นี้ไปอย่างยิ่งใหญ่ ทั้งๆ ที่เป็นแค่มวยแทน ยูโกสลาเวีย ที่โดนตัดสิทธิ์เนื่องจากปัญหาสงครามกลางเมืองภายในประเทศ


                 ในรอบรองชนะเลิศ เดนมาร์ก สร้างเรื่องเซอร์ไพรส์ยิ่งขึ้นเมื่อจัดการเขี่ย ฮอลแลนด์ ตกรอบ โดยเกมนี้ ทัพ "โคนม" นำอยู่ 2-1 แต่ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ซัดตีเสมอในนาทีที่ 86 และในช่วงทดเวลาพิเศษทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทำอะไรกันได้ จบเกมต้องดวลจุดโทษตัดสิน และ ชไมเคิ่ล โชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันลูกยิงของ มาร์โก แวน บาสเท่น และนั่นคือจุดเปลี่ยนที่ช่วยให้ เดนมาร์ก ทะลุเข้ารอบชิงฯ ก่อนจะก้าวไปสร้าง "เทพนิยายเดนส์" ด้วยการพลิกล็อกชนะ เยอรมนี อย่างเหลือเชื่อ



 

 




3. มิเชล พลาตินี่ แชมป์ผู้ยิ่งใหญ่
 
                เดนมาร์ก ประสบความสำเร็จในการคว่ำ ฮอลแลนด์ ในการดวลจุดโทษศึกยูโร 92 แต่ยังไม่ใช่มาตรฐานที่จะวัดความตื่นเต้นในเกมเท่ากับแมตช์ระหว่าง โปรตุเกส ดวลกับ ฝรั่งเศส ในศึกยูโร 84 ซึ่งเป็นเกมที่สุดยอดที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของทัวร์นาเมนต์นี้


                แมตช์ทัพ "น้ำหอม" ได้ประตูนำไปก่อนจาก ฌอง-ฟร็องซัวส์ โดแมร์ก แต่ รุย จอร์เดา ยิงตีเสมอก่อนที่จะหมดเวลา 12 นาที ส่งผลให้ทั้งสองทีมต้องดวลกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ และ ทัพ "ฝอยทอง" ได้ประตูขึ้นนำจาก จอร์เดา คนเดิม อย่างไรก็ตาม โดแมร์ก ช่วยทีมตีเสมอในนาทีที่ 114 และเกมนี้ดูเหมือนว่าจะต้องดวลฎีกา แต่ มิเชล พลาตินี่ สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยก่อนหมดเวลาแค่ 1 นาทีเท่านั้น ส่งให้พวกเขาทะลุเข้าไปดวลกับ สเปน และจัดการคว่ำทัพ "กระทิงดุ" ได้อย่างสุดยอดต่อหน้าแฟนบอลร่วมชาติ



 

 


 

2. หัวใจเหล็ก 
               หากพูดถึงความใจเย็น ถ้ามองว่า พลาตินี่ สุดนิ่งแล้วขอบอกว่ายังไม่เท่ากับ อันโตนิน ปาเนนก้า ที่ขันอาสาสังหารจุดโทษลูกสุดท้ายให้ เชโกสโลวาเกีย ในเกมนัดชิงฯ ยูโร 76 ที่ดวลกับ เยอรมันตะวันตก (ปัจจุบัน เยอรมนี) ซึ่งลูกนั้นนำพาให้ เช็กฯ เขียนหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังในฐานะแชมป์ทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ทวีป ยุโรป เลยทีเดียว


                หลังจากที่ เช็ก เสมอ เยอรมันตะวันตก 2-2 ทั้งสองทีมต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ 4 คนแรกของ เช็ก ยิงเข้าหมด ในขณะที่คนที่ 4 ของ "อินทรีเหล็ก" ได้แก่ อูลี่ เฮอเนส ดันเกิดขาสั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ทะลึ่งยิงพลาด และคนที่ 5 ของเช็ก ได้แก่ ปาเนนก้า ซึ่งหากเขาซัดบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย นั่นหมายความว่าชาติบ้านเกิดจะเป็นแชมป์ยุโรปทันที


                  ช่วงเวลานั้นหากใครเคยยิงจุดโทษจะรู้ว่าสุดกดดันแค่ไหน ยิ่งเป็นคนที่ตัดสินว่าทีมจะชนะหรือไม่ยิ่งโคตรกดดัน โดยงานนี้ ปาเนนก้า ทำเรื่องที่สุดช็อกทั้งแฟนบอลบ้านเกิด และเพื่อนร่วมทีม เมื่อวิ่งเข้าหาบอลด้วยความมั่นใจก่อนจะชิพบอลอย่างเหนือชั้นไปตรงกลางประตู ในขณะที่ เซปป์ ไมเออร์ นายทวารเยอรมันตะวันตก พุ่งไปทางซ้าย และเมื่อบอลไปหยุดนิ่งที่ก้นตาข่าย นั่นหลายความว่า เช็ก ได้เขียนชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังยุโรปอย่างยิ่งใหญ่



 

 



1. เขาคือตำนาน
                หนึ่งในนักเตะที่ควรได้รับการยกย่องคงหนีไม่พ้นชื่อของ มาร์โก แวน บาสเท่น งานนี้ กองหน้าเลือดดัตช์ นำ ฮอลแลนด์ ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูโร 88 ซึ่งนี่เป็นเกมที่สุดคลาสสิกจริงๆ เพราะคู่ชิงของพวกเขาก็คือ สหภาพโซเวียต ที่เคยเอาชนะพวกเขามาแล้วในรอบแบ่งกลุ่มด้วยสกอร์ 0-1 และงานนี้ถือเป็นฤทธิ์งามยามดีที่จะได้แก้แค้นอย่างเจ็บแสบ


                   แมตช์นัดชิงฯ ต้องบอกว่า "สามทหารเสือ" รุด กุลลิท, แวน บาสเท่น และ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด โชว์ฟอร์มเทพจริงๆ โดย "เจ้าหัวงูเก็งก็อง" โหม่งประตูขึ้นนำไปก่อน จากนั้นตำนานยอดนักเตะก็ถือกำเนิดขึ้น เมื่อ "เพชฌฆาตพรายกระซิบ" ยิงประตูสุดสวยแบบไม่จับในระยะ 6 หลา บอลพุ่งมุดลงแบบใบไม้ร่วงเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างสวยงาม ประตูนั้นเป็นการตอกย้ำชัยชนะ และนำ 'ฟลายอิ้งดัตช์แมน' คว้าเกียรติยศระดับชาติได้อย่างยิ่งใหญ่
 


 

ข่าวฮอต

ตารางคะแนน
    อันดับ ทีม W/D/L แต้ม

    เมือง&สนามบอล

    ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา

    ปี ชนะเลิศ รองชนะเลิศ อันดับ 3
    2008สเปนเยอรมันรัสเซีย / ตุรกี
    2004กรีซโปรตุเกสเนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก
    2000ฝรั่งเศสอิตาลีเนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส
    1996เยอรมันสาธารณรัฐเช็กฝรั่งเศส / อังกฤษ
    1992เดนมาร์กเยอรมันเนเธอร์แลนด์ / สวีเดน
    1988เนเธอร์แลนด์สหภาพโซเวียตอิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก
    1984ฝรั่งเศสสเปนเดนมาร์ก / โปรตุเกส
    1980เเยอรมนีตะวันตกเบลเยียมเชโกสโลวะเกีย
    1976เชโกสโลวะเกียเเยอรมนีตะวันตกเนเธอร์แลนด์
    1972เเยอรมนีตะวันตกสหภาพโซเวียตเบลเยียม
    1968อิตาลียูโกสลาเวียอังกฤษ
    1964สเปนสหภาพโซเวียตฮังการี
    1960สหภาพโซเวียตยูโกสลาเวียเชโกสโลวะเกีย