หน้าแรก - ข่าว - กระทิงป้องกันแชมป์!ขวิดเลี่ยนไม่ยั้ง4-0
กระทิงป้องกันแชมป์!ขวิดเลี่ยนไม่ยั้ง4-0
Posted:02/07/2012

  ผู้ทำประตู : ดาบิด ซิลบา น.14, จอร์ดี้ อัลบา น.42, เฟร์นานโด ตอร์เรส น.84,มาต้า น.88


ฟุตบอล ยูโร 2012 รอบชิงชนะเลิศ

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม 2555

สเปน 4        -      0 อิตาลี


สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม, เมืองเคียฟ ประเทศยูเครน ความจุ : 60,000

 
  คู่ชิงชนะเลิศ ยูโร 2012 ระหว่าง "กระทิงดุ" สเปนแชมป์เก่ายูโร 2008 และแชมป์โลก 2010 เจอกับ "อัซซูรี่" อิตาลี แชมป์โลกเมื่อปี 2006 ซึ่งทั้งคู่พบกันหนที่สองในทัวร์นาเมนต์นี้ หลังจากรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี ทั้งสองทีมเสมอกันมา 1-1 ตั้งแต่นัดแรก

  สำหรับเกมนี้ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เทรนเนอร์ทีมกระทิงดุจัดชุดใหญ่ลงสนาม อันเดรส อิเนียสต้า, เชส ฟาเบรกาส และดาบิด ซิลบา ยังเป็นสามประสานในเกมรุกโดยมี ชาบี เอร์นานเดซ และชาบี อลอนโซ่ คุมเกมตรงกลางสนาม

  ขณะที่ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ เทรนเนอร์ทีมอัซซูรี่ เกมนี้ได้ อิกนาซิโอ อบาเต้ แบ็กขวาหายเจ็บกลับมาช่วยทีม ขณะที่แนวรุกยังใช้ มาริโอ บาโลเตลลี่ หัวหอกตัวเก่งยืนคู่กับ อันโตนิโอ คาสซาโน่ และให้ ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ยืนเป็นหน้าต่ำ โดยมี อันเดรีย ปีร์โล่ คุมจังหวะเกมในแดนกลางร่วมกับ ดานิเอเล่ เด รอสซี่

 

  เปิดฉากครึ่งแรก สเปนเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่น และเป็นฝ่ายครองเกมรุกได้มากกว่า นาทีที่ 10 ก็ได้จังหวะลุ้นก่อน เมื่อ ชาบี เอร์นานเดซ เล่นชิงกับ เชส ฟาเบรกาส ก่อนที่ชาบี จะได้กดด้วยขวาเต็มๆ บริเวณเส้นเขตโทษ บอลข้ามคานไปนิดเดียว

  และจากนั้นอีกเพียง 4 นาทีต่อมา ทัพกระทิงดุ ก็ทะยานออกนำ 1-0 จนได้ จากจังหวะที่ อันเดรส อิเนียสต้า แทงทะลุช่องให้เชส ฟาเบรกาส หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่เชส จะลากเข้าไปเปิดสุดเส้นหลัง และเป็น ดาบิด ซิลบา ที่เติมขึ้นมาโขกเข้าไปไม่เหลือ

 ผ่านไป 21 นาที เป็นอิตาลี ที่ต้องเปลี่ยนตัวคนแรกอย่างรวดเร็ว เมื่อ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ แบ็กซ้ายตัวเก่งมีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง เฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ ลงสนามมาแทน

 ถึงนาทีที่ 25 สเปนก็มาโดนใบเหลืองคนแรกของเกม เมื่อเคราร์ด ปิเก้ ไปทำฟาวล์ใส่ อันโตนิโอ คาสซาโน่

  ขุนพลอัซซูรี่ เริ่มทำเกมได้ดีขึ้น นาทีที่ 29 คาสซาโน่ ได้บอลในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนดึงหลอก อาร์เบลัว จนล้ม และหาจังหวะซัดด้วยขวา บอลลอดขา ปิเก้ แต่ไปตรงตัวกาซียาส รับเอาไว้ได้

  อีก 3 นาที อิตาลีขึ้นเกมมาอีกครั้ง และเป็น คาสซาโน่ คนเดิม ได้ส่องไกลกว่า 25 หลา ร้อนถึง อีเกร์ กาซียาส ที่ต้องพุ่งเซฟสุดเหยียด

  และแม้อิตาลี จะทำเกมรุกได้น่ากลัวขึ้น  แต่กลับเป็น สเปน ที่มาได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 41 จากจังหวะที่ชาบี เอร์นานเดซ แทงทะลุช่องสุดสวยให้ จอร์ดี้ อัลบา แบ็กซ้ายที่เติมขึ้นมา หลุดกับดักล้ำหน้า ก่อนจะแปด้วยซ้ายสวนตัว จานลุยจิ บุฟฟ่อน เข้าไปตุงตาข่าย

  จากนั้นอีก 2 นาที ทัพอัซซูรี่ ที่ต้องลุยสู้ ตอบโต้มาทันที คราวนี้เป็น ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ได้ยิงด้วยขวาตรงเส้นเขตโทษเต็มเท้า กาซียาส ต้องออกแรงชกออกไป


  ท้ายครึ่งแรก นักเตะแดนมะกะโรนี มาโดนใบเหลืองคนแรกบ้าง เมื่อ อันเดรีย บาร์ซาญี่ เซ็นเตอร์แบ็คของทีม ไปเตะตัดเกมใส่ อันเดรส อิเนียสต้า


  จากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่มเติมจบ 45 นาทีแรก สเปน นำ อิตาลี 2-0

 ครึ่งหลัง อิตาลี ต้องทำการแก้เกมทันที โดยส่ง อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ดาวยิงจากสโมสรอูดิเนเซ่ ลงสนามมาแทน อันโตนิโอ คาสซาโน่

  และเริ่มมาได้ไม่นาน นาทีที่ 47 ทัพอัซซูรี่ ก็ได้เสียวทันที เมื่ออิกนาซิโอ อบาเต้ เติมเกมขึ้นมาเปิดจากขวา ถึงหัว อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ที่เพิ่งลงมาหมาดๆ โขกข้ามคานไปนิดเดียว

  แต่สเปนก็ตอบโต้มาทันควันในนาทีต่อมา เมื่อ เชส ฟาเบรกาส พาบอลแหวกเข้าไปในเขตโทษทางขวาคนเดียว ก่อนได้จิ้มด้วยปลายสตั๊ด บุฟฟ่อน ล้มตัวบล็อกไว้ได้ ก่อนที่อบาเต้ จะเครียร์ทิ้งหวุดหวิด
 
  เกมแลกกันอย่างสนุก นาทีที่ 51 คราวนี้เป็น อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ อีกแล้ว ได้ซัดคนเดียวในกรอบเขตโทษไม่กี่หลา แต่เป็น อีเกร์ กาซียาส ที่ป้องกันได้อย่างเหนียวหนึบ

 ถึงนาทีที่ 56 เชซาเร่ ปรันเดลลี่ จัดการแก้เกมคนสุดท้าย ส่ง ติอาโก้ ม็อตต้า ลงสนามมาแทน ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่

 และอีก 3 นาทีต่อมา สเปน ก็มาเปลี่ยนตัวคนแรก ถอด ดาบิด ซิลบา ออก แล้วส่ง เปโดร โรดริเกซ ลงสนามมาแทน  

  เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 61 สถานการณ์ของทัพอัซซูรี่ต้องแย่ลงอีก เมื่อ ติอาโก้ ม็อตต้า ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงสนามไปได้เพียงไม่กี่นาที เกิดอาการบาดเจ็บเอง ต้องออกจากสนามไป และอิตาลี เปลี่ยนตัวครบไปแล้ว ต้องเล่นกันแค่ 10 คนเท่านั้นต่อจากนี้

  หลังอิตาลีต้องเล่น 10 คน เป็นสเปน ที่ครองเกมไว้ได้หมด แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่จะแจ้งเท่าที่ควร

 ถึงนาทีที่ 75 ทีมกระทิงดุ มาเปลี่ยนตัวคนที่สอง ส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงมาแทน เชส ฟาเบรกาส

 และนาทีที่ 84 สเปน ก็หนีไปไกลเป็น 3-0 เมื่อ เด รอสซี่ จ่ายบอลพลาด ชาบี เอร์นานเดซ ตัดได้ ก่อนแทงทะลุช่องเน้นๆให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส หลุดเข้าไปซัดด้วยขวาในกรอบเขตโทษ ผ่านบุฟฟ่อน ไม่เหลือ

 นาทีที่ 87 เดล บอสเก้ เปลี่ยนคนสุดท้าย ส่งฆวน มาต้า ลงมาแทน อันเดรส อิเนียสต้า

 และฆวน มาต้า ที่ลงสนามไปได้เพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น ก็ทำให้สเปนได้ลูกที่ 4 จากจังหวะที่ ชาบี เอร์นานเดซ ไหลให้ ตอร์เรส หลุดเดี่ยว ก่อนที่ตอร์เรส จะดีดจังหวะเดียวให้ มาต้า ยิงโล่งๆในเขตโทษตุงตาข่าย 4-0

  ช่วงทดเวลาบาดเจ็บออกไป 3 นาที ไม่มีประตูเพิ่มเติม จบ 90 นาที เป็น สเปน ถล่มเอาชนะ อิตาลี ไปอย่างขาดลอย 4-0 คว้าแชมป์ ยูโร 2012 ไปครอง

 


รายชื่อ 11ผู้เล่นทั้งสองทีม

 


  สเปน (4-3-3) : อีเกร์ กาซียาส - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ รามอส, จอร์ดี้ อัลบา - ชาบี เอร์นานเดซ, ชาบี อลอนโซ่, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ - อันเดรส อิเนียสต้า, เชส ฟาเบรกาส, ดาบิด ซิลบา
ผู้จัดการทีม : บิเซนเต้ เดล บอสเก้

 


  อิตาลี (4-3-1-2) : จานลุยจิ บุฟฟ่อน - อิกนาซิโอ อบาเต้, อันเดรีย บาร์ซาญี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ - อันเดรีย ปีร์โล่, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, ดานิเอเล่ เด รอสซี่ - ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ - อันโตนิโอ คาสซาโน่, มาริโอ บาโลเตลลี่
ผู้จัดการทีม : เชซาเร่ ปรันเดลลี่


ผู้ตัดสิน : เปโดร โปรเอนก้า (โปรตุเกส)

ข่าวฮอต

ตารางคะแนน
    อันดับ ทีม W/D/L แต้ม

    เมือง&สนามบอล

    ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา

    ปี ชนะเลิศ รองชนะเลิศ อันดับ 3
    2008สเปนเยอรมันรัสเซีย / ตุรกี
    2004กรีซโปรตุเกสเนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก
    2000ฝรั่งเศสอิตาลีเนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส
    1996เยอรมันสาธารณรัฐเช็กฝรั่งเศส / อังกฤษ
    1992เดนมาร์กเยอรมันเนเธอร์แลนด์ / สวีเดน
    1988เนเธอร์แลนด์สหภาพโซเวียตอิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก
    1984ฝรั่งเศสสเปนเดนมาร์ก / โปรตุเกส
    1980เเยอรมนีตะวันตกเบลเยียมเชโกสโลวะเกีย
    1976เชโกสโลวะเกียเเยอรมนีตะวันตกเนเธอร์แลนด์
    1972เเยอรมนีตะวันตกสหภาพโซเวียตเบลเยียม
    1968อิตาลียูโกสลาเวียอังกฤษ
    1964สเปนสหภาพโซเวียตฮังการี
    1960สหภาพโซเวียตยูโกสลาเวียเชโกสโลวะเกีย