บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือทีมชาติสเปน สวมบทบาทผู้ชนะที่ดี ด้วยการชื่นชม 'อัซซูรี่' อิตาลี ว่าโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างน่าประทับใจมาตลอดใน ยูโร 2012 แต่กลับต้องไปไม่ถึงฝั่งฝันเพราะว่ามีหลายๆปัจจัยที่ไม่เข้าทางทั้งเหลือผู้ เล่นน้อยกว่ารวมทั้งมีเวลาพักน้อยกว่าก่อนที่จะเป็นฝ่ายปราชัยต่อ 'กระทิงดุ' และพลาดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย
บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เทรนเนอร์ทีมชาติสเปน ออกมายืนยันว่า อิตาลี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมแล้วในศึก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 'ยูโร 2012' รอบชิงชนะเลิศ เพียงแต่โชคร้ายเท่านั้น เมื่อโดนขุนพล 'กระทิงดุ' ไล่ถล่ม 4-0 ที่สนาม โอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา
เดล บอสเก้ กล่าวหลังจบเกมว่า 'ก่อนที่ผมจะเริ่มวิเคราะห์อะไร ผมอยากจะบอกว่าทุกคนก็แพ้กันได้ อิตาลี มีทัวร์นาเม้นต์ที่ยอดเยี่ยมแต่ ติอาโก้ ม็อตต้า ดันบาดเจ็บ และเกมก็จบลงทันที เราเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม, ยิงประตูแรกได้ และถึงแม้ว่า อิตาลี จะตอบโต้ได้อย่างยอดเยี่ยม เราก็โต้คืนได้ด้วยการยิงประตูที่ 2 ความสำเร็จของเรากลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว แต่เราจะเริ่มมองไปอนาคตข้างหน้าและผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายที่ บราซิล (ฟุตบอลโลก 2014)'
'เรามีเกมที่ยอดเยี่ยม แต่อย่าคิดประมาท อิตาลี พวกเขาก็แค่โชคร้ายเท่านั้น ทุกอย่างมันเข้าทางเราหมดเลยในค่ำคืนที่ผ่านมา อิตาลี มีนักเตะน้อยกว่า 1 คนและพักน้อยกว่าเรา 1 วัน พวกเขาดูเหนื่อยล้า และไม่สามารถเล่นตามเกมของตัวเองได้เลย มันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงเอาชนะได้อย่างสบายๆ เราเล่นไปตามเกมของเราและซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่เราทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา นี้'
พร้อมกันนี้ กุนซือวัย 61 ปี ยืนยันความเชื่อมั่นในแท็กติกของตนที่ไม่เลือกใช้กองหน้าตัวเป้า แต่กลับดันกองกลางขึ้นมาทำหน้าที่แทน ในศึก ยูโร 2012 ว่า 'มันไม่ได้มีฟุตบอลเพียงแค่แบบเดียว สิ่งที่สำคัญก็คือการยิงประตู นักเตะของเราเล่นกันอย่างชาญฉลาด และเรามีทีมที่สมดุลเป็นอย่างยิ่ง เรามีความไว้ใจในนักเตะของเรา เรามีกองหน้าแต่เราตัดสินใจที่จะส่งผู้เล่นที่จะเข้ากับสไตล์การเล่นของเรา ได้ดีกว่า'
สำหรับชัยชนะที่ผ่านมา ทำให้ สเปน เป็นชาติแรกที่ป้องกันแชมป์ยูโรได้สำเร็จ รวมถึงเป็นชาติแรกที่คว้า 3 แชมป์ระดับชาติ (ยูโร 2008, ฟุตบอลโลก 2010 และ ยูโร 2012) มาครองแบบติดต่อกัน นอกจากนี้เกมดังกล่าวยังเป็นคู่ชิงชนะเลิศที่มีผลการแข่งขันแพ้ชนะแบบขาดลอย ที่สุดอีกด้วย
'นี่เป็นเจเนอเรชั่นนักเตะที่สุดยอดจริงๆ พวกเขามีรากเหง้าอันยอดเยี่ยมและรู้วิธีในการเล่นเพราะพวกเขามาจากประเทศที่ รู้ดีว่าควรจะเล่นยังไง เรามีกลุ่มนักเตะชั้นยอด นี่เป็นยุคที่ยิ่งใหญ่ของวงการฟุตบอลสเปน หลังจากที่ เวียนนา (เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย และสถานที่จัดนัดชิงฯ ยูโร 2008) หลุยส์ อราโกเนส อดีตโค้ชทีมชาติสเปน แสดงให้เราเห็นถึงแนวทางและทิศทางในการที่จะเดินไปข้างหน้าต่อไป'
'แต่ ว่ามันยังมีความท้าทายอีกมากมายใน ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก รวมถึง คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ (2013) ที่เราต้องการจะทำผลงานให้ได้อย่างยอดเยี่ยมในฐานะตัวแทนของทวีปยุโรป' อดีตกุนซือเรอัล มาดริด กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวฮอต
อันดับ | ทีม | W/D/L | แต้ม |
---|
เมือง&สนามบอล
ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
ปี | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | อันดับ 3 |
---|---|---|---|
2008 | สเปน | เยอรมัน | รัสเซีย / ตุรกี |
2004 | กรีซ | โปรตุเกส | เนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก |
2000 | ฝรั่งเศส | อิตาลี | เนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส |
1996 | เยอรมัน | สาธารณรัฐเช็ก | ฝรั่งเศส / อังกฤษ |
1992 | เดนมาร์ก | เยอรมัน | เนเธอร์แลนด์ / สวีเดน |
1988 | เนเธอร์แลนด์ | สหภาพโซเวียต | อิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก |
1984 | ฝรั่งเศส | สเปน | เดนมาร์ก / โปรตุเกส |
1980 | เเยอรมนีตะวันตก | เบลเยียม | เชโกสโลวะเกีย |
1976 | เชโกสโลวะเกีย | เเยอรมนีตะวันตก | เนเธอร์แลนด์ |
1972 | เเยอรมนีตะวันตก | สหภาพโซเวียต | เบลเยียม |
1968 | อิตาลี | ยูโกสลาเวีย | อังกฤษ |
1964 | สเปน | สหภาพโซเวียต | ฮังการี |
1960 | สหภาพโซเวียต | ยูโกสลาเวีย | เชโกสโลวะเกีย |