จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังตัวเก่งทีมชาติอิตาลี รับไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะได้ลงเล่นรอบรองฯ เกมชนะ เยอรมนี 2-1 ศึกยูโร 2012 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา งานนี้ต้องขอบคุณทีมแพทย์ที่ดูแลเป็นอย่างดี พร้อมหวังนำชาติบ้านเกิดปราบซ่า สเปน ผงาดชูโทรฟี่แชมป์ให้ได้
จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังจอมแกร่งทีมชาติอิตาลี ยอมรับเหมือนฝันเป็นจริง ที่ได้ลงเล่นในรอบรองชนะเลิศ เกมชนะ เยอรมนี 2-1 ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2012" ที่สนาม เนชั่นแนล สเตเดี้ยม กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา พร้อมหวังนำทัพ "อัซซูรี่" ผงาดคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์นี้ให้ได้
เกมนี้ เยอรมนี เริ่มต้นได้ดี มีโอกาสได้ประตูขึ้นนำ แต่พลาดไปหมด จนกระทั่งมาโดนทีเด็ดของ มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่โขกให้ทัพ "อัซซูรี่" ขึ้นนำในนาทีที่ 20 จากนั้นในนาทีที่ 36 "ซูเปอร์มาริโอ" หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดเต็มข้อบอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม
ครึ่งหลัง ทัพ "อินทรีเหล็ก" เปิดเกมบุกเต็มสูบ แต่ก็โดน อิตาลี สวนกลับมาเป็นระยะๆ ที่สำคัญเกือบเสียประตูที่สามหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งในช่วงทดเจ็บ เยอรมนี ได้จุดโทษ และเป็น เมซุต โอซิล ที่ซัดผ่านมือ จานลุยจิ บุฟฟ่อน แต่สุดท้ายไม่ทัน ส่งผลให้ อิตาลี ทะลุเข้าชิงชนะเลิศ กับ สเปน ที่สนาม โอลิมปิก สเตเดี้ยม ณ กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคมนี้
กองหลัง ยูเวนตุส เผยว่า "บอกตามตรง เมื่อ 10 วันก่อนมันเป็นแค่ฝันในการได้เล่นรอบรองชนะเลิศ และผมต้องขอบคุณทีมแพทย์สำหรับการดูแลผมจนสามารถหายเจ็บ กลับมาเล่นได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ แน่นอน เรายังมีสิทธิ์วาดฝันร่วมกับชาวอิตาเลียนเป็นล้านๆ คนกันต่อไป"
"เราอยากที่จะฝันแบบนี้ไปเรื่อยๆ และทำให้มันเป็นความจริงในวันอาทิตย์นี้ เราจะสนุกกับชัยชนะในเกมนี้อีกสักพัก แต่หลังจากนั้นสมาธิของเราจะมุ่งไปที่แมตช์ชิงชนะเลิศเท่านั้น"
เยอรมนี ไม่แพ้ทีมใด 15 แมตช์ติดต่อกันในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องเจ็บปวด เมื่อไม่สามารถทำลายสถิติไม่เคยชนะ อิตาลี ได้เลยในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ โดย คิเอลลินี่ กล่าวต่อไปว่า "อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เราเชื่อมั่นตั้งแต่เริ่มต้นเกมแล้ว"
"ผมไม่รู้อะไรมากนักในเรื่องเหล่านี้ แต่เรามั่นใจว่า เราสามารถเอาชนะเกมนี้ได้ และทุ่มเททุกอย่างเพื่อสร้างปัญหาให้กับ เยอรมนี ความจริงก็คือ พวกเขามีนักเตะชั้นยอด และอันตรายมาก แต่เราเล่นเกมรับได้แข็งแกร่ง และจริงๆ แล้ว 3-0 ควรเป็นผลการแข่งขันที่เหมาะสมที่สุด"
ส่วนเกมนัดชิงฯ กับ สเปน สุดสัปดาห์นี้ เป็นการรีแมตช์อีกครั้ง เพราะทั้งสองทีมเคยพบกันมาแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม และจบลงด้วยการเสมอ 1-1 ซึ่งดาวเตะวัย 27 ปี ให้ความเห็นว่า "นี่เป็นการข้ามไปยังเป้าหมายของเรา และตอนนี้เราได้เล่นนัดชิงชนะเลิศ และต้องการเอาชนะให้ได้ เราเชื่อในความฝันนี้ตั้งแต่เริ่มเกมไปจนถึงนาทีที่ 95 และตอนนี้เราต้องการชูโทรฟี่แชมป์เต็มที่แล้ว"
ข่าวฮอต
อันดับ | ทีม | W/D/L | แต้ม |
---|
เมือง&สนามบอล
ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
ปี | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | อันดับ 3 |
---|---|---|---|
2008 | สเปน | เยอรมัน | รัสเซีย / ตุรกี |
2004 | กรีซ | โปรตุเกส | เนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก |
2000 | ฝรั่งเศส | อิตาลี | เนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส |
1996 | เยอรมัน | สาธารณรัฐเช็ก | ฝรั่งเศส / อังกฤษ |
1992 | เดนมาร์ก | เยอรมัน | เนเธอร์แลนด์ / สวีเดน |
1988 | เนเธอร์แลนด์ | สหภาพโซเวียต | อิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก |
1984 | ฝรั่งเศส | สเปน | เดนมาร์ก / โปรตุเกส |
1980 | เเยอรมนีตะวันตก | เบลเยียม | เชโกสโลวะเกีย |
1976 | เชโกสโลวะเกีย | เเยอรมนีตะวันตก | เนเธอร์แลนด์ |
1972 | เเยอรมนีตะวันตก | สหภาพโซเวียต | เบลเยียม |
1968 | อิตาลี | ยูโกสลาเวีย | อังกฤษ |
1964 | สเปน | สหภาพโซเวียต | ฮังการี |
1960 | สหภาพโซเวียต | ยูโกสลาเวีย | เชโกสโลวะเกีย |