ฟุตบอล ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012
รอบก่อนรองชนะเลิศ
วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน 2555
เยอรมนี 4 - 2 กรีซ
สนาม : พีจีอี อารีน่า, กดังส์ โปแลนด์ ความจุ : 40,000 ที่นั่ง
เกมรอบแปดทีมสุดท้ายคู่ที่สองระหว่าง "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี อดีตแชมป์สามสมัยปะทะ กรีซ ทีมจอมเซอร์ไพรส์อดีตแชมป์ปี 2004 โยอัคคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์ อินทรีเหล็ก พาทีมผ่านเข้ารอบมาเป็นอันดับ 1 ของ กลุ่มบี ด้วยผลงานสุดยอดชนะรวดทั้งสามนัดคือ ชนะ โปรตุเกส 1-0, ชนะ ฮอลแลนด์ 2-1 และ ชนะ เดนมาร์ก 2-1 ตามลำดับ
เกมนี้อินทรีเหล็กเปลี่ยนแปลงทีมถึง 4 ต่ำแหน่งจากนัดล่าสุด โดยได้ เจอโรม บัวเต็ง กองหลังเชื้อสายกานาพ้นโทษแบนกลับคืนทีม แล้วให้อันเดร ชูรร์เล่ และ มาร์โค รอยส์ เป็นตัวคอยปั่นป่วนเกมรับของกรีซทางริมเส้น ขณะที่ศูนย์หน้าตัวเป้าพัก มาริโอ โกเมซ ไว้ข้างสนาม แล้วส่ง มิโรสลาฟ โคลเซ่ ลงมาล่าตาข่ายแทน
ฟากขุนพล "เทพนิยาย" กรีซ ภายใต้การคุมทีมของ แฟร์นานโด ซานโตส กุนซือเลือดโปรตุกีส สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเฉือนชนะ รัสเซีย 1-0 ในนัดสุดท้ายของรอบแรกจนผ่านเข้ารอบมาในฐานะอันดับสองของ กลุ่มเอ พร้อมกับถีบทัพ "หมีขาว" ร่วงตกรอบทันทีจากกฎ เฮด-ทู-เฮด
เกมนี้ทีมเทพนิยาย ไม่มีจอร์จอส คารากูนิส กองกลางกัปตันทีมที่เป็นผู้ยิงประตูชัยดับ หมีขาว พาทีมเข้ารอบมาได้ หลังติดโทษแบน จากเจ้าตัวสะสมใบเหลืองครบโควตา โดยให้กริกอริส มากอส แข้งจาก เออีเค เอเธนส์ ลงทำหน้าที่แทน ขณะที่แนวรุกใช้ ดิมิตริส ซัลปินกิดิส คู่กับ จอร์จอส ซามาราส ในแดนหน้า
เริ่มครึ่งแรก กรีซ เป็นฝ่ายเขี่ยก่อน แต่เป็นเยอรมัน ที่บุกใส่ทันที นาทีที่ 4 แฟนๆ อินทรีเหล็ก ก็ต้องเฮเก้อ จากจังหวะที่ ซามี่ เคดิร่า ยิงไกลนอกกรอบ มิชาลิส ซิฟาคิส รับบอลไม่อยู่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ตามซ้ำเข้าไปตุงตาข่ายแล้ว แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปก่อนนิดเดียวเท่านั้น
นาทีที่ 8 กรีซ มาได้โอกาสบ้าง จากลูกยิงไกล ประมาณ 25 หลาของ กริกอริส มาคอส แต่บอลเบาไป มานูเอล นอยเออร์ รับสบาย
จาก นั้นอีก 2 นาที ทัพอินทรีเหล็ก ทำเกมรุกชิ่งกันมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเป็น มาร์โค รอยส์ ได้ซัดบริเวณเส้นกรอบเขตโทษ แต่บอลไม่ตรงกรอบ
ถึงนาทีที่ 14 ก็มีใบเหลืองแรกของเกม เมื่อจอร์จอส ซามาราส ดาวยิงจอมเก๋าของกรีซ ไปเข้าช้าใส่ บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์
เยอรมัน เป็นฝ่ายพับสนามบุกตลอด นาทีที่ 24 ก็น่าจะขึ้นนำสุดๆ จากการประสานงานของ 3 แนวรุก มิโรสลาฟ โคลเซ่ ทำชิงกับ มาร์โค รอยส์ ก่อนที่รอยส์ จะแตะมาให้ เมซุต โอซิล ได้หลุดไปแปในเขตโทษด้วยซ้ายเน้นๆ แต่ไปตรงตัว ซิฟาคิส เซฟเอาไว้ได้
และนาทีต่อมา มาร์โค รอยส์ ได้อัดด้วยขวา เสาแรกในกรอบเขตโทษ บอลไปแฉลบ คอสตาส คัตซูรานิส แต่มิชาลิส ซิฟาคิส ไปหลงพุ่งปัดออกหลังไปได้
กรีซ ได้โอกาสตอบโต้มาบ้าง ในนาทีที่ 32 โซติริส นินิส ได้ยิงนอกกรอบด้วยซ้าย ประมาณ 20 หลา บอลพุ่งเลียด แต่ก็ไม่ผ่านมือ มานูเอล นอยเออร์
นาทีที่ 36 ทัพอินทรีเหล็ก มาอีกครั้ง คราวนี้ เมซุต โอซิล ทำเกมขึ้นมาได้สวยในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะตบคืนหลังให้ ซามี่ เคดิร่า ได้ซัดด้วยขวาแบบไม่จับหน้ากรอบเขตโทษ ซิฟาคิส รับไม่อยู่อีกแล้ว ดีที่กองหลังเคลีย์สกัดทิ้งไปได้ก่อน
แต่หลังจากนั้นอีกเพียง 3 นาที แฟนๆเยอรมัน ก็ได้เฮกันลั่นสนามจนได้ เมื่อ ฟิลิปป์ ลาห์ กัปตันทีม ได้บอลก่อนจะลากขึ้นมายิงเองด้วยขวา ประมาณ 25 หลา บอลไซด์ก้อยหนีมือ ซิฟาคิส เสียบตาข่ายอย่างสวยงาม 1-0
ช่วง ทดเวลาบาดเจ็บออกไปอีก 3 นาที ขุนพลเมืองเบียร์เกือบได้ลูกสอง จากจังหวะที่ อันเดร ชูรร์เล่ ได้ซัดไกล บอลเฉียวเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น
ก่อนที่ ดาเมียร์ สโคมิน่า ผู้ตัดสินชาวสโลวีเนีย จะเป่าจบ 45 นาทีแรก เป็น เยอรมัน ที่ออกนำ กรีซ อยู่ 1-0
เปิด ฉากครึ่งหลังมา กรีซ ทำการแก้เกมทันที เปลี่ยนทีเดียว 2 คนรวด ส่ง ธีโอฟานิส เกคาส กับ จอร์จอส โฟตาคิส ลงมาแทน โซติริส นินิส และ จอร์จอส ซาเวลาส
และผ่านไป 10 นาที ขุนพลเทพนิยาย ก็ตามตีเสมอสำเร็จ 1-1 จากจังหวะสวนกลับ ดิมิตริส ซัลปินจิดิส ได้บอลทางขวา ก่อนจะลากไปเปิดเข้าไปหน้าประตูถึง จอร์จอส ซามาราส เข้าชาร์จจ่อๆ ไม่เหลือ
แต่ทัพอินทรีเหล็ก ก็ใช้เวลาไม่นาน นาทีที่ 61 ก็ออกนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะเซ็ตบอลกันขึ้นมา เจอโรม บัวเต็ง ได้บอลทางขวา ก่อนเปิดไปหน้าประตู และเป็น ซามี่ เคดิร่า ที่วิ่งมากระโดนยิงด้วยขวา บอลพุ่งเสียบตาข่าย หมดสิทธิ์ที่ ซิฟาคิส นายทวารกรีซ จะป้องกัน
นาทีที่ 67 เยอรมัน ทำการเปลี่ยนตัวคนแรก ส่ง โธมัส มุลเลอร์ ลงมาแทน อันเดร ชูรร์เล่
และหลังจากเปลี่ยนตัวนาทีเดียว ขุนพลเมืองเบียร์ ก็ได้ประตูหนีห่างออกไปอีกเป็น 3-1 จากจังหวะเตมุมของ เมซุต โอซิล โค้งเข้ามาถึงหัว มิโรสลาฟ โคลเซ่ ขึ้นโขกเข้าไปไม่เหลือ
นาทีที่ 71 กรีซ ทำการเปลี่ยนตัวเป็นคนสุดท้าย ถอด กริกอริส มาคอส ออกแล้วส่ง นิคอส ลิเบโรปูลอส ลงสนามแทน
แต่เกมของกรีซก็ไม่ดีขึ้นเลย กลับเป็นเยอรมัน ทีหนีไปไกลถึง 4-1 ในนาทีที่ 74 จากจังหวะที่ เมซุต โอซิล แทงทะลุช่องให้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ได้ยิงในเขตโทษฝั่งซ้ายไปติดเซฟของ ซิฟาคิส แต่บอลไปเข้าทาง มาร์โค รอยส์ ที่วิ่งเติมมาซัดเปรี้ยงเดียวบอลพุ่งกระทบคานตุงตาข่ายไม่เหลือ
นาทีต่อมา กรีซ มาโดนใบเหลืองที่สองของทีม เมื่อโซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส ไปตัดเกมใส่ เมซุต โอซิล
ผ่าน ไปถึงนาทีที่ 79 เยอรมัน ทำการขยับบนม้านั่งสำรองถึง 2 คนรวด โดยเอามาริโอ เกิทเซ่ กับ มาริโอ โกเมซ ลงมาแทน มาร์โค รอยส์ และ มิโรสลาฟ โคลเซ่
เกม ของพลพรรคอินทรีเหล็ก ยังมาเรื่อยๆ นาทีที่ 81 เมซุต โอซิล พาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะล็อกหาจังหวะยิงเอง แต่ไม่ผ่านมือ ซิฟาคิส
แต่ ก่อนหมดเวลา 2 นาที กรีซ ก็มาได้ลูกจุดโทษ เมื่อ วาซิลิส โทโรซิดิส แบ็กขวาของทีมเปิดไปโดนแขน เจอโรม บัวเต็ง ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่าให้ทันที และเป็น ดิมิตริส ซัลปินจิดิส ศูนย์หน้าพีเอโอเค รับหน้าที่สังหารเข้าไปมุมขวามือตัวเองไม่เหลือ กรีซ ไล่มาเป็น 2-4
แต่ ก็ได้แค่นั้น ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีสกอร์เพิ่มเติม จบ 90 นาที เยอรมัน เอาชนะ กรีซ ไปได้อย่างสนุก 4-2 ทำให้ทัพอินทรีเหล็ก ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นทีมที่สอง โดยรอเจอผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ หรือ อิตาลี ที่เนชั่นแนล สเตเดี้ยม วอร์ซอ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ คืนวันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน เวลา 01.45 น. ส่วน กรีซ ตกรอบ 8
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เยอรมัน : มานูเอล นอยเออร์ - เยโรม บัวเต็ง, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, โฮลเกอร์ บาดชตูเบอร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม (กัปตันทีม) - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ซามี่ เคดิร่า - มาร์โค รอยส์ (มาริโอ เกิทเซ่ น.80), เมซุต โอซิล, อันเดร เชือร์เล่ (โธมัส มุลเลอร์ น.67) - มิโรสลาฟ โคลเซ่ (มาริโอ โกเมซ น.80)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ทิม วีเซ่ (ผู้รักษาประตู), รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์ (ผู้รักษาประตู), อิลคาย กุนโดกัน, มาร์เซล ชเมลเซอร์, เบเนดิคท์ เฮอเวเดส, ลูคัส โพดอลสกี้, ลาร์ส เบนเดอร์, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, โทนี่ โครส
ใบเหลือง : -
กรีซ : มิชาลิส ซิฟาคิส - วาซิลิส โตโรซิดิส, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส, จอร์จอส ซาเวลาส (จอร์กอส โฟตาคิส น.46) - กริกอริส มากอส (นิกอส ลิเบโรปูลอส น.72), จานนิส มาเนียติส - โซติริส นินิส (ธีโอฟานิส เกคัส น.46), คอสตาส คัตซูรานิส (กัปตันทีม), จอร์จอส ซามาราส - ดิมิทริส ซัลปินกิดิส
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : คอสตาส ชาลเคียส (ผู้รักษาประตู), อเล็กซานดรอส ซอร์วาส (ผู้รักษาประตู), สเตลิออส มาเลซาส, คอสตาส มิโตรกลู, คอสตาส ฟอร์ตูนิส, จานนิส เฟ็ตฟาตซิดิส
ใบเหลือง : จอร์จอส ซามาราส น.15, โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส น.76
ผู้ตัดสิน : ดาเมียร์ สโคมิน่า (สโลวีเนีย)
ผู้ช่วยผู้ตัดสิน : พริมอซ อาร์ฮาร์ (สโลวิเนีย), มาเตจ ซูนิช (สโลวีเนีย)
ผู้ตัดสินที่ 4 : สเตฟาน ลันนัว (ฝรั่งเศส)
แมน ออฟ เดอะ แมตซ์
เมซุต โอซิล (กองกลางตัวรุก, หน้าต่ำ)
เมซุต โอซิล พ่อค้าแข้งร่างเล็กจาก "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด แม้จะทำประตูไม่ได้ในเกมนี้แต่เป็นตัวหลักที่ผ่านบอลให้เพื่อน และเคลื่อนเกมได้อย่างลงตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้รับตำแหน่งดังกล่าว และนับเป็นหนที่สองของรายการนี้นับจากเคยได้มาแล้วในเกมพบกับ โปรตุเกส
สถิติหลังเกม
เยอรมัน กรีซ
25(11) ยิงทั้งหมด (เข้ากรอบ) 8(2)
6 ฟาวล์ 8
10 เตะมุม 1
5 ล้ำหน้า 2
77% เปอร์เซนต์การครองบอล 23%
0 ใบเหลือง 2
0 ใบแดง 0
0 ช็อตเซฟ 7
เลิฟสุดภูมิใจแข้งเบียร์เฮสบายเกือก
โยอัคคิม เลิฟ นายใหญ่ทีมชาติเยอรมนี สุดปลื้มกับฟอร์มของลูกทีมที่ช่วยกันอัด กรีซ 4-2 พร้อมซิวตั๋วเข้าตัดเชือก สำเร็จ
"มันเป็นฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสุดๆ เราสามารถภาคภูมิใจกับทีมชุดนี้ได้เลย แต่มันก็ชัดเจนว่า กรีซ สามารถทำได้จากจังหวะที่ไม่มีอะไร เราพลาดเองที่ไม่สามารถขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกมได้ แต่ตอนสกอร์ 1-1 เราก็ไม่ได้หวั่นวิตกเลย แถมกลับมาได้สุดยอดด้วยซ้ำ เกมนี้เรามีการเปลี่ยนแปลงบ้างบางตำแหน่ง ซึ่งผมก็คิดว่า มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ หลังซิวชัยมา 3 นัดติด (จากรอบแบ่งกลุ่ม)" เลิฟ กล่าว
ซานโตสยกอินทรีเหล็กเจ๋งจริง,ชมแข้งกรีซสู้ไม่ถอย
แฟร์นานโด ซานโตส กุนซือทีมชาติกรีซ ยกย่อง เยอรมนี แกร่งทั่วแผ่นจริงๆ หลังจัดการสอนเชิง กรีซ สบายเท้า 4-2 แต่ก็ชมสปิริตของลูกทีม "เทพนิยาย" ที่สู้ไม่ถอย แม้สุดท้ายจะต้องแพ้อย่างเจ็บปวดก็ตาม
กุนซือเชื้อสายโปรตุกีส ให้ความเห็นว่า "ผมอยากแสดงความยินดีกับ เยอรมัน พวกเขาทำผลงานได้ดีจริงๆ แน่นอนว่า พวกเขาเล่นได้อย่างสุดยอด เราจะมีโอกาสสัก 2-3 ครั้ง แต่พวกเขาครองเกมได้หมด และไล่กดดันเราตลอด และผมก็อยากแสดงความยินดีกับลูกทีมของผม สำหรับความพยายามของพวกเขาในทัวร์นาเมนต์นี้ ไม่ใช่แค่แมตช์แค่ค่ำคืนนี้เท่านั้น"
"ด้วยความเคารพต่อเกมในครึ่งแรก ผมต้องบอกว่า เยอรมัน เล่นได้ดีจริงๆ เรามีโอกาสครองบอลเช่นกัน และบางทีน่าจะมีโอกาสนิดๆ หน่อยๆ แต่เราไม่สามารถเล่นได้อย่างสะดวก เราไม่มีพื้นที่มากนัก พวกเขากดดันเราตลอดทั้งเกม จากนั้นผมบอกกับลูกทีมว่า ถ้าเรายิงประตูได้ เกมมันจะเปลี่ยน และเราก็ทำได้ แต่สิ่งที่เลวร้ายก็คือ เราเสียประตูที่สองเร็วเกินไป จากนั้นเราก็หมดโอกาส แต่เราพยายามสู้จนวินาทีสุดท้าย" ซานโตส ระบุ
โปรแกรมยูโร 2012 รอบก่อนรองชนะเลิศ - รองชิงชนะเลิศ
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
(แข่งขันวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2555)
สเปน - ฝรั่งเศส
สนาม : ดอนบาส อารีน่า (โดเนตส์ค, ยูเครน) (เวลา 01.45 น.)
(แข่งขันวันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน 2555)
อังกฤษ - อิตาลี
สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม (เคียฟ, ยูเครน) (เวลา 01.45 น.)
รอบรองชนะเลิศ
(แข่งขันวันพุธที่ 27 มิถุนายน 2555)
โปรตุเกส - สเปน หรือ ฝรั่งเศส
สนาม : ดอนบาส อารีน่า (โดเนตส์ค, ยูเครน) (เวลา 01.45 น.)
(แข่งขันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน 2555)
เยอรมัน - อังกฤษ หรือ อิตาลี
สนาม : เนชั่นแนล สเตเดี้ยม วอร์ซอ (วอร์ซอ, โปแลนด์) (เวลา 01.45 น.)
รอบชิงชนะเลิศ
(แข่งขันวันอาทิตย์ 1 กรกฎาคม 2555)
สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม (เคียฟ, ยูเครน) (เวลา 01.45 น.)
ข่าวฮอต
อันดับ | ทีม | W/D/L | แต้ม |
---|
เมือง&สนามบอล
ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
ปี | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | อันดับ 3 |
---|---|---|---|
2008 | สเปน | เยอรมัน | รัสเซีย / ตุรกี |
2004 | กรีซ | โปรตุเกส | เนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก |
2000 | ฝรั่งเศส | อิตาลี | เนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส |
1996 | เยอรมัน | สาธารณรัฐเช็ก | ฝรั่งเศส / อังกฤษ |
1992 | เดนมาร์ก | เยอรมัน | เนเธอร์แลนด์ / สวีเดน |
1988 | เนเธอร์แลนด์ | สหภาพโซเวียต | อิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก |
1984 | ฝรั่งเศส | สเปน | เดนมาร์ก / โปรตุเกส |
1980 | เเยอรมนีตะวันตก | เบลเยียม | เชโกสโลวะเกีย |
1976 | เชโกสโลวะเกีย | เเยอรมนีตะวันตก | เนเธอร์แลนด์ |
1972 | เเยอรมนีตะวันตก | สหภาพโซเวียต | เบลเยียม |
1968 | อิตาลี | ยูโกสลาเวีย | อังกฤษ |
1964 | สเปน | สหภาพโซเวียต | ฮังการี |
1960 | สหภาพโซเวียต | ยูโกสลาเวีย | เชโกสโลวะเกีย |