ขผ่านพ้นกันไปครึ่งทางแล้ว สำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ "ยูโร 2012" ที่ฟาดแข้งกันจนได้ครบ 8 ทีม ไปโม่แข้งกันในรอบควอเตอร์ไฟนัล ก่อนชิงชัยกันจนเหลือเพียงทีมเดียวที่ดีที่สุดของทวีปยุโรปกันต่อไป...
ณะ ที่นับตั้งแต่เปิดสนามในวันที่ 8 มิ.ย. มาจนถึงวันนี้วันที่ 20 มิ.ย. มีอะไรมากมายเหลือเกินให้แฟนบอลอย่างเราๆ ได้จดจำ ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มของบรรดาทีมเต็ง หรือฟอร์มอันน่าผิดหวังของบางทีม, ประตูโก่โห่ตั้งแต่ต้นเกม หรือแม้กระทั่งพิษฝนที่ทำให้การแข่งขันถูกเลื่อนออกไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก
ว่าแล้ว "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" ขอเตือนความจำท่านผู้อ่านกันสักนิด ก่อนรอชมการแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ว่าเราได้ผ่านอะไรกันมาบ้าง โดยเฉพาะบรรดา "ที่สุด" ทั้งหลายของการแข่งขันตลอด 24 นัดแรก แล้วไว้รอจบการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศในวันที่ 1 ก.ค. เมื่อได้เราโฉมหน้าทีมแชมป์ของยูโร 2012 ครั้งนี้้ เราจะกลับมาเตือนความจำท่านผู้อ่านกันอีกครั้ง
ประตูที่เร็วที่สุดในรอบแรกยูโร 2012 คือประตูของ ปีเตอร์ ยิราเซ็ค กองกลางจอมเก๋าของทีมสาธารณรัฐเช็ก ที่ส่งบอลซุกก้นตาข่ายเข้าไปตั้งแต่นาทีที่ 3 ของเกมในนัดพบกับทีมชาติกรีซ ขณะที่แม้ มาริโอ มานด์ซูคิช จะใช้เวลานาทีเท่ากันในการโหม่งประตูให้โครเอเชียขึ้นนำไอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม หากวัดที่ตัวเลขวินาทีกันแล้ว ยิราเซ็ค เฉือนไปชนิดปลายจมูกที่เวลา 2.14 นาที ส่วน มานด์ซูคิช ใช้เวลา 2.37 นาที
แข่งขันกันนานที่สุด
เกมที่ใช้เวลาแข่งขันนานที่สุดในรายการครั้งนี้ เป็นคู่เจ้าภาพร่วมยูเครน พบกับ "ตราไก่" ฝรั่งเศส ใช้เวลาแข่งขันทั้งหมดนานกว่า 3 ชั่วโมง เนื่องจากโดนพิษฝนกระหน่ำหนักก่อนเกม แถมมีฟ้าผ่าให้เสียวเล่นอีกต่างหาก จนกรรมการต้องตัดสินใจเลื่อนเกมออกไปช้ากว่ากำหนด
ทีมแรก ที่ต้องตกรอบก่อนใครเพื่อน ชนิดที่ยังแข่งไม่ครบ 3 นัดด้วยซ้ำ คือ ทีมเจ้าของฉายา "ยักษ์เขียว" ไอร์แลนด์ ที่จอดป้ายไปตั้งแต่นัดที่สองหลังแพ้ยับต่อสเปน 0-4 ต้องโบกมือลาเป็นทีมแรกในศึกยูโร 2012 ครั้งนี้
นอกจากนี้แล้วยังมีเรื่องงามไส้ เมื่อแฟนบอลขาโหดเจ้าถิ่นอย่างโปแลนด์ กับรัสเซีย ที่ทะเลาะวิวาทกันก่อนเกมจนเป็นข่าวคึกโครมไปทั่วโลก และมีแฟนบอลที่่ก่อเหตุโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไปมากกว่า 100 คน
น่าผิดหวังที่สุดและพลิกล็อกที่สุด เป็นทีม "อัศวินสีส้ม" ทีมชาติฮอลแลนด์ รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และหนึ่งในทีมเต็งของการแข่งขันครั้งนี้ แต่สุดท้ายกลับไม่ผ่านรอบแรก ด้วยการจอดป้ายสนิทแพ้รวดทั้ง 3 นัด โดยเฉพาะนัดแรกที่แพ้แบบล็อกถล่มให้กับทีมชาติเดนมาร์ก 0-1 ขณะที่นัดที่สองแพ้ทัพ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี 1-2 และมาแพ้นัดส่งท้ายให้กับทีม "ฝอยทอง" โปรตุเกส 1-2
ต้องยกให้กับทีม "อินทรีเหล็ก" ทีมชาติเยอรมนี ที่ฟอร์มไร้เทียมทานชนะรวดทั้ง 3 นัดแรก โดยเฉพาะการสยบสองทีมแกร่งอย่างโปรตุเกส 1-0 และฮอลแลนด์ 2-1 ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการเฉือนเดนมาร์กอีก 2-1 เข้ารอบด้วยสถิติชนะรวด 100% กลายเป็นทีมที่ใครๆ ก็ไม่อยากเจอมากที่สุดในเวลานี้
ทีมม้ามืดที่ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ชนิดหักปากกาเซียนที่สุด คงต้องยกให้กับทีม "เทพนิยาย" ทีมชาติกรีซ ซึ่งเดินทางมาเล่นยูโร 2012 ครั้งนี้ พร้อมกับปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังเข้าขั้นวิกฤติอย่างหนัก ก่อนจะเอาตัวรอดมาในนัดเปิดสนามชนิดสุดดรามา ขณะที่นัดที่สอง ความยากลำบากเริ่มมาเยือนอดีตแชมป์ยูโร 2004 เมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ต่อสาธารณรัฐเช็ก 1-2 ทว่านัดสุดท้ายที่เจอกับทีมเต็งของกลุ่มอย่างรัสเซีย กรีซกลับฝ่าด่านยิงประตูชัยโค่น "หมีขาว" เข้ารอบมาได้อย่างพลิกล็อกที่สุด ในบรรดา 8 ทีมจากสี่กลุ่มของรอบแรก
สวนทางกันกับกรีซ คงต้องยกให้ทีมชาติรัสเซีย ของ ดิ๊ก อัตโวคาท ที่เปิดตัวลงสนามนัดแรกด้วยฟอร์มโหดถล่มสาธารณรัฐเช็ก กระจุย 4-1 แต่สุดท้ายพวกเขากลับตกรอบไปอย่างสุดชีช้ำ โดยเฉพาะการพ่ายแพ้กรีซในนัดสุดท้าย ทั้งที่เป็นฝ่ายพับสนามบุกอยู่แทบตลอดทั้งเกม
ทีมที่ยิงประตูเยอะที่สุดในรอบแรกคือ ทีม "กระทิงดุ" ทีมชาติสเปน ที่ยิงไปแล้วถึง 6 ประตู ด้วยการเสมออิตาลี 1-1 ชนะไอร์แลนด์ 4-0 และชนะโครเอเชีย 1-0
เป็นทีม "ยักษ์เขียว" ไอร์แลนด์ ที่โดนกระซวกตาข่ายชนิดพรุนสุดๆ ถึง 9 ประตู หรือเฉลี่ยโดนยิง 3 ประตูต่อเกม ไล่ตั้งแต่นัดแรกแพ้โครเอเชีย 1-3 นัดที่สองแพ้ให้กับสเปนแบบย่อยยับ 0-4 และนัดที่สามถูกอิตาลีตอกฝาโลงซ้ำอีก 0-2
"ยักษ์เขียว" ไอร์แลนด์ อำลายูโร 2012 ครั้งนี้แบบชอกช้ำที่สุดๆ หากไม่นับฮอลแลนด์ เมื่อทั้งครองสถิติโดนยิงประตูมากที่สุด แถมยังยิงคืนชาวบ้านได้น้อยที่สุดอีกด้วย เมื่อทำประตูที่โปแลนด์ & ยูเครนในคราวนี้ได้เพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น!! แถมยังเป็นกองหลัง "ฌอน เซนต์ เลดเจอร์" อีกต่างหาก ที่เติมขึ้นมาโหม่งประตูในเกมแรกกับโครเอเชีย
ยิงน้อยที่สุด
"ยักษ์เขียว" ไอร์แลนด์ อำลายูโร 2012 ครั้งนี้แบบชอกช้ำที่สุดๆ หากไม่นับฮอลแลนด์ เมื่อทั้งครองสถิติโดนยิงประตูมากที่สุด แถมยังยิงคืนชาวบ้านได้น้อยที่สุดอีกด้วย เมื่อทำประตูที่โปแลนด์ & ยูเครนในคราวนี้ได้เพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น!! แถมยังเป็นกองหลัง "ฌอน เซนต์ เลดเจอร์" อีกต่างหาก ที่เติมขึ้นมาโหม่งประตูในเกมแรกกับโครเอเชีย
หลังจบการแข่งขันรอบแรก มีนักเตะขึ้นมารั้งอันดับดาวซัลโวสูงสุดร่วมกัน 3 คน ประกอบด้วย อลัน ดาโกเยฟ จากรัสเซีย, มาริโอ มานด์ซูคิช จากโครเอเชีย และ มาริโอ โกเมซ จากทีมเยอรมนี อย่างไรก็ตาม เวลานี้เหลือเพียงรายสุดท้ายเท่านั้น ที่มีสิทธิ์จะเพิ่มจำนวนประตูของตัวเองได้ต่อไป หลังจากรัสเซียกับโครเอเชียโบกมือลายูโร 2012 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข่าวฮอต
อันดับ | ทีม | W/D/L | แต้ม |
---|
เมือง&สนามบอล
ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
ปี | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | อันดับ 3 |
---|---|---|---|
2008 | สเปน | เยอรมัน | รัสเซีย / ตุรกี |
2004 | กรีซ | โปรตุเกส | เนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก |
2000 | ฝรั่งเศส | อิตาลี | เนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส |
1996 | เยอรมัน | สาธารณรัฐเช็ก | ฝรั่งเศส / อังกฤษ |
1992 | เดนมาร์ก | เยอรมัน | เนเธอร์แลนด์ / สวีเดน |
1988 | เนเธอร์แลนด์ | สหภาพโซเวียต | อิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก |
1984 | ฝรั่งเศส | สเปน | เดนมาร์ก / โปรตุเกส |
1980 | เเยอรมนีตะวันตก | เบลเยียม | เชโกสโลวะเกีย |
1976 | เชโกสโลวะเกีย | เเยอรมนีตะวันตก | เนเธอร์แลนด์ |
1972 | เเยอรมนีตะวันตก | สหภาพโซเวียต | เบลเยียม |
1968 | อิตาลี | ยูโกสลาเวีย | อังกฤษ |
1964 | สเปน | สหภาพโซเวียต | ฮังการี |
1960 | สหภาพโซเวียต | ยูโกสลาเวีย | เชโกสโลวะเกีย |