ฟุตบอล ยูโร 2012
รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 2 กลุ่มดี
วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2555
สวีเดน 2 - 3 อังกฤษ
สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม, เคียฟ ความจุ : 60,000
"ไวกิ้ง" สวีเดน พาดท่าปราชัยให้ เจ้าภาพร่วม ยูเครน 1-2 ทำให้เกมนี้ต้องฮึดเพื่อเก็บแต้มให้จงได้
เอริค ฮัมเรน กุนซือ สวีเดน ได้ข่าวดีเมื่ออาการบาดเจ็บเล็กน้อยจากเกมก่อนของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงกัปตันทีมจากเอซี มิลาน ไม่มีปัญหาหายเจ็บและกลับลงมาสวมบทกัปตันทีมนำทัพล่าตาข่ายอีกครั้ง
ระบบการเล่นของขุนพลไวกิ้งจะใช้ระบบ 4-4-2 โดย ผู้รักษาประตู อันเดรียส์ อิซัคส์สัน กองหลัง โยนาส โอลส์สัน,อันเดรียส แกรนควิสต์, โอลอฟ เมลล์เบิร์ก, มาร์ติน โอลส์สัน แผงกองกลาง คิม คัลล์สตรอม, อันเดอร์ส สเวนส์สัน, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, ราสมุส เอล์ม และหน้าคู่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กับ โยฮัน เอลมานเดอร์
ฝั่ง "สิงโตคำราม" อังกฤษ ของกุนซือ รอย ฮ็อดจ์สัน ออกสตาร์ทเกมแรกแบบฝืดๆ แต่ก็ยันเจ๊า ฝรั่งเศส 1-1 เท่ากับในการคุมทีมของ ฮ็อดจ์สัน 3 นัดแรกรวมเกมอุ่นเครื่อง ยังแพ้ใครไม่เป็น
สภาพทีม ฮ็อดจ์สัน ยังคงจะพลาดใช้งาน เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าตัวหลักจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ติดโทษแบนนัดที่ 2 จะกลับมาเล่นได้ในเกมสุดท้ายของรอบนี้ กับ ยูเครน
ระบบการเล่นของทัพสิงโตคำราม จะใช้ระบบ 4-4-2 เช่นเดียวกับฝั่งไวกิ้ง โดยผู้รักษาประตู โจ ฮาร์ท แผงกองหลังเซ็นเตอร์คู่ จอห์น เทอร์รี่ กับ โจลีออน เลสค็อตต์ แบ็คขวา เกล็ฯ จอห์นสัน แบ็คซ้าย แอชลี่ย์ โคล ด้านแผงกองกลาง นำทัพโดย สีเว่น เจอร์ราร์ด สวมบทกัปตันทีม ยืนกลางคู่กับ สกอตต์ พาร์เกอร์ โดยมี เจมส์ มิลเนอร์ เล่นฝั่งขวา และ แอชลี่ย์ ยัง อยู่ฝั่งขวา ขณะที่ คู่หน้า แดนนี่ เวลเบ็ค จะยืนหน้าต่ำ ส่วน แอนดี้ แคร์โรลล์ หน้าเป้า
เริ่มเกมครึ่งแรก สวีเดนเป็นฝ่ายเขี่ยก่อน แต่เป็นอังกฤษที่ดูจะครองเกมได้มากกว่า นาทีที่ 7 ก็ได้ลุ้นจังหวะแรก เมื่อ สกอตต์ พาร์เกอร์ ได้ซัดไกลด้วยขวาเต็มแรง ระยะประมาณ 25 หลา แต่เป็น อันเดรียส์ อิซัคส์สัน พุ่งปัดสุดเหยียดเอาไว้ได้
นาทีที่ 11 เป็นโอกาสของขุนพลไวกิ้งบ้าง เซบาสเตียน ลาร์สสัน ได้ลองซัดไกล ร่วม 25 หลาเช่นกัน แต่ไปตรงตัว โจ ฮาร์ท
จาก นั้นอีก 4 นาทีต่อทัพสิงโตคำราม ขึ้นเกมมาทางขวาโดยเจมส์ มิลเนอร์ ก่อนครอสไปในกรอบเขตโทษให้ แดนนี่ เวลเบ็ค ได้โหม่ง แต่บอลหลุดเสาสองออกหลังไป
สวีเดน เจาะไม่เข้า เลยเน้นยิงไกลเป็นหลัก นาทีที่ 20 ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ได้กดด้วยขวา หน้าเขตโทษ บอลพุ่งเลียดไปที่เสาแรก แต่ โจ ฮาร์ท พุ่งตะครุบไว้ทัน
และจากนั้นอีก 3 นาทีต่อมา แฟนๆอังกฤษ ก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อทะยานออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดบอลยาวจากขวาอย่างแม่นยำ ถึงหัว แอนดี้ แคร์โรลล์ ขึ้นโขกเต็มๆ ผ่านมืออันเดรียส์ อิซัคส์สัน ไม่เหลือ
นาที ที่ 32 สวีเดน ได้โอกาสอีกครั้ง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ลากบอลขึ้นมา ก่อนได้ยิงด้วยซ้ายบริเวณหัวกระโหลก บอลไปแฉลบ จอห์น เทอร์รี่ แต่โจ ฮาร์ท ไม่หลงพุ่งรับเอาไว้ได้
อีก 4 นาทีต่อมา อังกฤษ ขึ้นเกมมาเร็ว แอชลี่ย์ โคล แทงจังหวะเดียวให้ แอชลี่ย์ ยัง หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะอัดด้วยขวาที่เสาแรก แต่ยิงบดไป บอลเข้าข้างตาข่าย
ช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งแรก ยังทำประตูกันเพิ่มไม่ได้ จบ 45 นาที แรก อังกฤษ นำ สวีเดน 1-0
กลับมาลุ้นกันต่อในครึ่งเวลาหลังเป็นฝั่ง สิงโต ที่เป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่น
ไวกิ้ง ที่พยายามโหมบุกเพื่อทวงประตูคืน มาได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ นาทีที่ 49 จากการจังหวะทำฟาวล์ของ แอนดี้ แคร์โรลล์ ที่เข้าเสียบ คิม คัลล์สตรอม
และ จากจังหวะฟรีคิกนาทีถัดมา เป็น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ซัดไปติดกำแพง บอลกระดอนมาเข้าทางดาวยิงเอซี มิลานอีกครั้ง คราวนี้กระโดดยิง แต่บอลกับเป็นดีไปเข้าทาง โอลอฟ เมลล์เบิร์ก ที่ยืนอยู่คนเดียวโล่งๆ ยิงไปติดเซฟ โจ ฮาร์ท ในจังหวะแรก แต่บอลไม่พ้นเขตอันตราย ไปโดนเกล็น จอห์นสัน ที่พยายามสกัด แต่ไม่ทันบอลเลยข้ามเส้นเข้าประตูตัวเองไป สวีเดน ตีเสมอ อังกฤษ 1-1
เกม เริ่มเล่นกันแรงขึ้น นาทีที่ 58 ก็มีใบเหลืองแรกของเกม เมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ ไปตัดเกมใส่ มาร์ติน โอลส์สัน บริเวณกึ่งกลางสนามฝั่งซ้าย
และจากฟรีคิกจังหวะนั้นเอง ขุนพลไวกิ้ง ก็พลิกแซงนำเป็น 2-1 นาที 59 เซบาสเตียน ลาร์สสัน เปิดด้วยขวาไปที่เสาสอง โอลอฟ เมลล์เบิร์ก ทะยานขึ้นโขกคนเดียว ไม่เหลือ
หลังโดนนำ นาทีที่ 60 ทัพสิงโตคำราม แก้เกมทันที ส่ง ธีโอ วัลค็อตต์ ปีกตัวจี๊ดของอาร์เซน่อล ลงมาแทนตำแหน่งปีกขวาของ เจมส์ มิลเนอร์
นาที่ที่ 62 สวีเดนมาโดนใบเหลืองแรก จาก โอลอฟ เมลล์เบิร์ก เมื่อไปบ่นใส่กรรมการชาว สโลวีเนีย
จาก นั้นนาทีเดียวอังกฤษ น่าจะได้ประตูตีเสมอสุดๆ เมื่อ เกล็น จอห์นสัน เปิดจากขวามาให้ จอห์น เทอร์รี่ เติมขึ้นมาโขกเต็มๆ แต่ไม่ตรงตัว อันเดรียส์ อิซัคส์สัน เซฟไว้ได้หวุดหวิด
และเพียงไม่นานนาที 64 ทัพสิงโตคำราม ก็ตามมาตีเสมอสำเร็จเป็น 2-2 จากจังหวะเตะมุมของ แอชลี่ย์ ยัง กองหลังสวีเดนโหม่งสกัดมาเข้าทาง ธีโอ วัลค็อตต์ ที่เพิ่งลงมาเป็นตัวสำรอง ได้ซัดไกล ประมาณ 25 หลา บอลพุ่งเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม
นาทีที่ 66 สวีเดน ทำการเปลี่ยนตัวคนแรกบ้าง ถอด อันเดรียส แกรนควิสต์ ที่มีอาการบาดเจ็บออก แล้วส่งมิคาเอล ลุสติก ลงมาแทน
นาทีที่ 72 โยนาส โอลส์สัน มาโดนใบเหลืองที่สองของสวีเดน
เกม แลกกันสนุก ทีมไวกิ้งน่าออกนำอีกครั้ง ในนาทีที่ 76 เมื่อ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ได้อัดเต็มแรงด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษ โจ ฮาร์ท ต้องผวาทุบออกหลังไปได้หวุดหวิด
แต่จากนั้นอีกเพียง 2 นาที เป็นอังกฤษ กลับมาแซงนำอีกครั้งเป็น 3-2 จาก จังหวะที่ ธีโอ วัลค็อตต์ ใช้ความเร็วกระชากเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะเปิดมาให้ แดนนี่ เวลเบ็ค หมุนตัวตอกส้นด้วยเท้าขวาเข้าไปอย่างเหนือชั้น
นาทีที่ 79 สวีเดน แก้เกมคนที่สองส่ง มาร์คุส โรเซนเบิร์ก มาเล่นหน้าแทน โยฮัน เอลมานเดอร์ ที่เกมนี้ไม่ค่อยมีบทบาทเลย
จากนั้นไม่นาน นาที 81 ทัพไวกิ้ง เปลี่ยนตัวเป็นคนสุดท้ายส่ง คริสเตียน วิลเฮล์มส์สัน ลงมาแทน ราสมุส เอล์ม
ท้าย เกมนาทีที่ 89 อังกฤษ เปลี่ยนตัวคนที่สอง ถอด แดนนี่ เวลเบ็ค ออก แล้วส่ง ดาวรุ่งอย่าง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงมาเติมความสด
นาทีสุดท้าย อันเดอร์ส สเวนส์สัน ของสวีเดนก็มาโดนใบเหลืองอีกคน หลังไม่พอใจการตัดสินที่ เซบาสเตียน ลาร์สัน เสียฟาวล์
และ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทีมสิงโตคำราม เกือบมาได้ประตูฝัง เมื่อ ธีโอ วัลค็อตต์ ที่ลงมาในครึ่งชั่วโมงสุดท้าย เล่นได้ดีจริงๆ กระชากไปเปิดทางขวา เข้าไปในกรอบเขตโทษถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด วิ่งสอดมากระโดดแปด้วยซ้ายเน้นๆ แต่เป็นอันเดรียส์ อิซัคส์สัน ที่ออกมากางแขนใช้อกเซฟเอาไว้ได้ฉิวเฉียด
และจากนั้นไม่นาน ดาเมียร์ สโคมิน่า ผู้ตัดสินชาว สโลวีเนีย ก็เปาจบ 90 นาที เป็นอันว่า อังกฤษ เอาชนะ สวีเดน ไปได้อย่างสนุก 3-2 ส่งให้ สวีเดน ตกรอบเป็นทีมที่สองของทัวร์นาเมนต์ต่อจาก ไอร์แลนด์ ทันที ขณะที่ทัพสิงโตคำราม มี 4 แต้มเท่ากับ ฝรั่งเศส แต่ประตูได้เสียเป็นรองทัพตราไก่
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
สวีเดน: อันเดรียส อิซัคส์สัน - อันเดรียส แกรนควิสต์ (มิคาเอล ลุสติก น.66), โอลอฟ เมลเบิร์ก, โยนาส โอลส์สัน, มาร์ติน โอลส์สัน - เซบาสเตียน ลาร์สัน, อันเดอร์ส สเวนส์สัน, คิม คัลล์สตรอม, ราสมุส เอล์ม (คริสเตียน วิลเฮล์มส์สัน น.81) - ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (กัปตันทีม) - โยฮัน เอลมานเดอร์ (มาร์คุส โรเซนเบิร์ก น.80)
สำรองไม่ได้ใช้: โยฮัน วีลันด์ (ผู้รักษาประตู) - พาร์ ฮันส์สัน (ผู้รักษาประตู) - โทเบียส ไฮเซ่น, มิคาเอล อันตอนส์สัน, ปอนตุส เวิร์นบลูม, เบห์รัง ซาฟารี, ซามูเอล โฮลเมน, เอมีร์ บายรามี่, โอล่า ทอยโวเน่น
ใบเหลือง: โอลอฟ เมลเบิร์ก น.63, โยนาส โอลส์สัน น.72, อันเดอร์ส สเวนส์สัน น.90
อังกฤษ: โจ ฮาร์ท - เกล็น จอห์นสัน, จอห์น เทอร์รี่, โจลีออน เลสค็อตต์, แอชลี่ย์ โคล - เจมส์ มิลเนอร์ (ธีโอ วัลค็อตต์ น.61), สตีเว่น เจอร์ราร์ด (กัปตันทีม), สกอตต์ พาร์เกอร์, แอชลี่ย์ ยัง - แดนนี่ เวลเบ็ค (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น.89) - แอนดี้ แคร์โรลล์
สำรองไม่ได้ใช้: โรเบิร์ต กรีน (ผู้รักษาประตู) - แจ็ค บัตแลนด์ (ผู้รักษาประตู) - มาร์ติน เคลลี่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เลห์ตัน เบนส์, ฟิล โจนส์, ฟิล จากีลก้า, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, เจอร์เมน เดโฟ
ใบเหลือง: เจมส์ มิลเนอร์ น.58
ผู้ตัดสิน: ดามีร์ สโคมิน่า (สโลวีเนีย)
ผู้ช่วยผู้ตัดสิน: พริมอซ อาร์ฮาร์ (สโลวีเนีย), มาเตจ์ ซูนิช (สโลวีเนีย)
ผู้ตัดสินที่ 4: ฟลอเรียน เมเยอร์ (เยอรมัน)
โอลอฟ เมลล์เบิร์ก(สวีเดน)
สถิติหลังเกม
สวีเดน อังกฤษ
15(7) ยิงทั้งหมด(เข้ากรอบ) 16(6)
14 ฟาวล์ 10
3 เตะมุม 3
0 ล้ำหน้า 0
48% เปอร์เซนต์การครองบอล 52%
3 ใบเหลือง 1
0 ใบแดง 0
3 ช็อตเซฟ 6
ปู่รอยยกแข้งสิงโตหัวใจแกร่งเชือดไวกิ้ง,ยันรูนลงนัดหน้า
รอย ฮ็อดจ์สัน นายใหญ่ทีมชาติอังกฤษ ยกย่องหัวใจนักสู้ของลูกทีม ที่คัมแบ็กกลับมาชนะ สวีเดน 3-2 ศึกยูโร 2012 กลุ่ม ดี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พร้อมยัน เวย์น รูนี่ย์ ได้ลงตัวจริงในเกมพบกับ ยูเครน อย่างแน่นอน
"มันเป็นเกมที่สุดยอดจริงๆ เรามีเหตุผลที่จะรู้สึกผ่อนคลายในช่วงพักครึ่ง และการครองเกมได้เป็นอย่างดีก่อนที่พวกเขาจะทำให้เราต้องฮึดสู้ เรารู้ว่า พวกเขาอันตรายมากแค่ไหนในการเล่นลูกตั้งเตะ และพวกเขาพิสูจน์ความจริงในข้อนี้แล้ว แต่มันเป็นแนวทางที่ดีมากๆ ที่ทีมตอบโต้กลับมาแบบนั้น"
"มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับการแข่งขันในระดับนี้ เราสู้กับบรรดาทีมที่แข็งแกร่ง เกมรุกของเราแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และเราก็ดูอันตรายเช่นกัน เราจำกัดไม่ให้พวกเขาได้มีโอกาสเล่นอย่างอิสระ เราได้รับชัยชนะที่สุดยอดในการสู้กับทีมที่มีประสบการณ์"
"ในเกมกับ ยูเครน นักเตะอย่าง รูนี่ย์ สามารถสร้างความแตกต่างได้ และผมดีใจที่จะได้ต้อนรับเขากลับสู่ทีม ถ้าผมไม่ให้เขาลงเล่น คงเกิดความวุ่นวายในห้องแต่งตัวแน่ๆ"
แฮมเรนปลื้มแม้ทีมพ่ายสิงโตคำราม
เอริก แฮมเรน นายใหญ่สวีเดน ซูฮก ลูกทีมโชว์ฟอร์มได้เยี่ยม แม้ปราชัยต่อ อังกฤษ 2-3 พร้อมชู "สิงโตคำราม" เป็นทีมที่เหนือกว่า สมควรได้รับชัยชนะ
"ก่อนอื่นเลยคือ ผมรู้สึกผิดหวัง จริงๆ แล้วเราเล่นได้ดีทั้งครึ่งแรก และครึ่งหลัง แต่สุดท้ายตอนนี้เรามี 0 คะแนน เรามีเกมที่ดี ผมรู้สึกภาคภูมิใจในตัวนักเตะของผม เราได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านจิตใจ และทัศนคติอันยอดเยี่ยมที่ผมต้องการออกมาได้ ความแตกต่างระหว่าง อังกฤษ กับเราน่ะเหรอ? พวกเขาเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเรา" กุนซือวัย 54 กะรัต กล่าว
ข่าวฮอต
อันดับ | ทีม | W/D/L | แต้ม |
---|
เมือง&สนามบอล
ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
ปี | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | อันดับ 3 |
---|---|---|---|
2008 | สเปน | เยอรมัน | รัสเซีย / ตุรกี |
2004 | กรีซ | โปรตุเกส | เนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก |
2000 | ฝรั่งเศส | อิตาลี | เนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส |
1996 | เยอรมัน | สาธารณรัฐเช็ก | ฝรั่งเศส / อังกฤษ |
1992 | เดนมาร์ก | เยอรมัน | เนเธอร์แลนด์ / สวีเดน |
1988 | เนเธอร์แลนด์ | สหภาพโซเวียต | อิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก |
1984 | ฝรั่งเศส | สเปน | เดนมาร์ก / โปรตุเกส |
1980 | เเยอรมนีตะวันตก | เบลเยียม | เชโกสโลวะเกีย |
1976 | เชโกสโลวะเกีย | เเยอรมนีตะวันตก | เนเธอร์แลนด์ |
1972 | เเยอรมนีตะวันตก | สหภาพโซเวียต | เบลเยียม |
1968 | อิตาลี | ยูโกสลาเวีย | อังกฤษ |
1964 | สเปน | สหภาพโซเวียต | ฮังการี |
1960 | สหภาพโซเวียต | ยูโกสลาเวีย | เชโกสโลวะเกีย |