สนาม: อารีน่า ลวีฟ, ลวีฟ
"โคนม" เดนมาร์ก ลงทำศึก รอบแรก กลุ่มบี นัดที่สอง กับ "ฝอยทอง" โปรตุเกส โดย ทีมโคนม ยังใช้ทีมผู้เล่นชุดเดียวกับที่ปราบ ฮอลแลนด์ มาเป็นตัวหลัก โดยกองหน้าตัวเป้ายังใช้งาน นิคลาส เบนท์เนอร์ ล่าตาข่าย ส่วนทีมเยือน โปรตุเกส ไม่มีทางเลือกนอกจากชนะ หากหวังเข้ารอบ โดยเกมนี้ยังใช้สามประสาน นานี่,คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เอลแดร์ ปอสติก้า เป็นหน่วยทะลวงฟัน
เริ่มเกมมาเพียง4นาที เป็นฝ่ายทีมโคนม มีโอกาสได้ลุ้นประตูก่อน เมื่อ คริสเตียน เอริคเซ่น ได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนพลิกยิงด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อ แต่ เปเป้ มาสไลด์บล็อคลูกยิงได้อย่างหวุดหวิด
นาทีที่12 โปรตุเกส เริ่มตั้งแต่เกมบุกได้มากขึ้น และมีโอกาสกดดัน เดนมาร์ก จากลูกเปิดจากริมเส้นฝั่งขวาของ นานี่ แต่ ลาร์ส ยาค็อบเซ่น ยังสกัดทิ้งไว้ได้ทัน
นาทีที่16 ทีมโคนม ต้องเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อ นิกิ ซิมลิงก์ มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง ยาค็อบ โพลเซ่น ลงสนามแทน
2นาที โปรตุเกส ได้โอกาสซัดเหน่งๆอีกครั้ง เมื่อ ราอูล เมยเรเลส ซัดไปติด ซิมอน เคียร์ ในจังหวะแรก ก่อนบอลกระเด้งมาเข้าทางปืนของ โรนัลโด้ แต่ โรนัลโด้ กลับยิงบดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่21 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีโอกาสได้ยิงฟรีคิก ริมสนามฝั่งซ้าย แต่ยิงข้ามคานออกหลังไปแบบไม่มีลุ้นอะไรมากนัก
3นาทีต่อมา ทีมฝอยทองมีโอกาสใกล้เคียงกับการได้ประตู เมื่อได้ฟรีคิกริมสนามฝั่งซ้าย ก่อน มิเกล เวโลโซ่ เปิดยาวมาที่หน้าประตูให้ เอลแดร์ ปอสติก้า เข้าชาร์จแต่บอลไม่เข้ากรอบ
อย่างไรก็ตาม นาทีที่24 แฟนๆโปรตุเกส ได้เฮกันลั่น เมื่อได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เจา มูตินโญ่ โยนยาวมาที่เสาแรก ให้ เปเป้ พุ่งโฉบโหม่งเต็มหัว บอลพุ่งตุงตาข่าย สุดปัญญาที่ สเตฟาน อันเดอร์เซ่น จะควักออกมาได้ทัน ทีมฝอยทอง นำ 1-0
นาทีที่28 เป็นฝ่าย โปรตุเกส ที่ได้รับใบเหลืองไปก่อน เมื่อ ราอูล เมยเรเลส ไปเจตนาใช้มือปัดลูกวางยาวของ เดนมาร์ก ทำให้ผู้ตัดสินต้องแจกเหลืองลงโทษ
นาทีที่34 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เริ่มวาดรวดลายได้มากขึ้น และในจังหวะลากมายิงได้ถูกทำฟาวส์นอกกรอบ ก่อน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะลุกขึ้นมาสังหารเอง แต่บอลแฉลบบล็อคกำแพงของ เดนมาร์ก ออกหลังไปอย่างมีลุ้น
แต่แล้วในนาทีที่ 36 โปรตุเกส ก็ได้เริงร่าอีกครั้ง เมื่อ นานี่ ได้บอลทางริมกรอบเขตโทษทางขวา ก่อนไหลบอลไปที่เสาแรกให้ เอลแดร์ ปอสติก้า วิ่งมาโฉบยิงด้วยขวา ส่งบอลตุงตาข่ายอย่างงดงาม ให้ โปรตุเกส ขึ้นนำ 2-0
นาทีที่42 เป็นฝ่าย เดนมาร์ก ได้กรี๊ดคืนบ้าง เมื่อ ลาร์ส ยาค็อบเซ่น วางบอลไปในกรอบเขตโทษทางเสาสองให้ ไมเคิ่ล ครอห์น-เดห์ลี โหม่งตั้งคืนกลับมาเสาแรกให้ นิคลาส เบนท์เนอร์ โหม่งชาร์จระยะเผาขนโล่งๆให้ ทีมโคนม ไล่ตีตื้นมา 1-2
ช่วงท้ายครึ่งแรก ทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมแลกใส่กัน แต่ไม่มีฝ่ายใด สามารถเจาะตาข่ายกันได้ หมดครึ่งแรก โปรตุเกส จึงนำ เดนมาร์ก อยู่ 2-1
กลับมาลุ้นกันต่อในช่วง 45 นาทีหลัง เดนมาร์ก เป็นฝ่ายทำเกมบุกเข้าใส่ ส่วน โปรตุเกส รอรับแล้วหาโอกาสสวนกลับ
นาทีที่ 50 โปรตุเกสพลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปดวลเดี่ยวกับ สเตฟาน อันเดอร์เซ่น แต่ยิงไม่ดีพอ สเตฟาน อันเดอร์เซ่น ปัดทิ้งออกมาได้
นาทีที่ 56 ยาค็อบ โพลเซ่น รับใบเหลืองหลังไปพุ่งอัด หลุยส์ นานี่ อย่างแรง จากลูกฟรีคิก มิเกล เวโลโซ่ กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ บอลกำลังจะมุดใต้คานแต่ สเตฟาน อันเดอร์เซ่น ชกออกมาได้
นาทีที่ 60 ทีมโคนม ต้องเปลี่ยนเอา เดนนิส รอมเมดาห์ล ที่มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวออก และส่ง โทเบียส มิคเคลเซ่น ลงมาแทน
นาทีที่ 62 วิลเลี่ยม ควิสต์ ได้โอกาสส่องไกลจากนอกกรอบ บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปชนิดได้ลุ้น
นาทีที่ 64 โปรตุเกส เปลี่ยนตัวบ้างโดยถอด เอลแดร์ ปอสติก้า ผู้ทำประตูออก และส่ง เนลสัน โอลิเวยร่า กองหน้าดาวรุ่งลงสนามแทน
นาทีที่ 72 นิคลาส เบนท์เนอร์ เลี้ยงหลบกองหลัง ก่อนยิงด้วยซ้ายบนเส้นเขตโทษบอลพุ่งถากเสาออกไป
นาทีที่ 78 ทีมฝอยทองพลาดได้ประตูแบบเหลือเชื่อ หลุยส์ นานี่ จ่ายบอลทะลุแนวรับให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับผู้รักษาประตูอีกครั้ง แต่คราวนี้ ดาวยิงจากราชันชุดขาว กลับยิงออกหน้าตาเฉย
นาทีที่ 80 กองเชียร์โคนมได้เฮลั่น ลาร์ส ยาค็อบเซ่น บรรจงเปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าไปที่เสาสอง นิคลาส เบนท์เนอร์ ขึ้นโขกเต็มๆ รุย ปาตริซิโอ พุ่งปัดได้ปลายมือ แต่บอลชนเสาเข้าประตูไป เดนมาร์ก ตามตีเสมอเป็น 2-2
นาทีที่ 81 ลาร์ส ยาค็อบเซ่น รับใบเหลือง จากการไปพุ่งเสียบ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
นาทีที่ 85 เปาโล เบนโต้ กุนซือโปรตุเกส ตัดสินใจส่ง ซิลเวสเตร วาเลร่า ลงมาแทน ราอูล เมยเรเลส
นาทีที่ 87 ฟาบิโอ โกเอนเตรา เปิดบอลเข้าไปหน้าประตู ซิลเวสเตร วาเลร่า ยิงด้วยซ้ายจังหวะแรกพลาด แต่กลับมาเอี้ยวตัวยิงด้วยขวาจังหวะสองบอลพุ่งเต็มแรงเสียบเสาให้โปรตุเกส ขึ้นนำอีกครั้ง 3-2
นาทีที่ 89 หลังได้ประตู ทีมฝอยทองหันมาเน้นเกมรับโดยเอา หลุยส์ นานี่ ออก และส่ง โรลันโด้ ฟอนเซก้า ลงมาแทน
นาทีที่ 90 เดนมาร์ก เปลี่ยนเอา ไมเคิ่ล โครห์น-เดห์ลี ออกและให้ ลาสส์ โชน ลงสนามมาแทน
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็รับใบเหลืองหลังไปเจตนาตัดเกม วิลเลี่ยม ควิสต์ ที่กำลังจะลากบอลโต้กลับเร็ว
หมดเวลาการแข่งขัน โปรตุเกส เป็นฝ่ายเอาชนะ เดนมาร์ก ไปได้ 3-2 เก็บสามแต้มสุดสำคัญเอาไว้ได้
11นักเตะของทั้งสองทีม
เดนมาร์ก(4-2-3-1) : สเตฟาน อันเดอร์เซ่น, ลาร์ส ยาค็อบเซ่น, ซิมอน เคียร์, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์, ซิมอน โพลเซ่น,วิลเลียม ควิสท์,นิกิ ซิมลิงก์,เดนนิส รอมเมดาห์ล,คริสเตียน เอริคเซ่น,ไมเคิ่ล ครอห์น-เดห์ลี, นิคลาส เบนท์เนอร์
โปรตุเกส(4-3-3) : รุย ปาตริซิโอ, เจา เปเรยร่า, เปเป้, บรูโน่ อัลเวส,ฟาบิโอ โกเอนเตรา,ราอูล เมยเรเลส,มิเกล เวโลโซ่, เจา มูตินโญ่, นานี่,คริสเตียโน่ โรนัลโด้,เอลแดร์ ปอสติก้า
ผู้ตัดสิน: เคร็ก ธอมสัน (สกอตแลนด์)
ข่าวฮอต
อันดับ | ทีม | W/D/L | แต้ม |
---|
เมือง&สนามบอล
ชิงอันดับฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา
ปี | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | อันดับ 3 |
---|---|---|---|
2008 | สเปน | เยอรมัน | รัสเซีย / ตุรกี |
2004 | กรีซ | โปรตุเกส | เนเธอร์แลนด์ / สาธารณรัฐเช็ก |
2000 | ฝรั่งเศส | อิตาลี | เนเธอร์แลนด์ / โปรตุเกส |
1996 | เยอรมัน | สาธารณรัฐเช็ก | ฝรั่งเศส / อังกฤษ |
1992 | เดนมาร์ก | เยอรมัน | เนเธอร์แลนด์ / สวีเดน |
1988 | เนเธอร์แลนด์ | สหภาพโซเวียต | อิตาลี / เเยอรมนีตะวันตก |
1984 | ฝรั่งเศส | สเปน | เดนมาร์ก / โปรตุเกส |
1980 | เเยอรมนีตะวันตก | เบลเยียม | เชโกสโลวะเกีย |
1976 | เชโกสโลวะเกีย | เเยอรมนีตะวันตก | เนเธอร์แลนด์ |
1972 | เเยอรมนีตะวันตก | สหภาพโซเวียต | เบลเยียม |
1968 | อิตาลี | ยูโกสลาเวีย | อังกฤษ |
1964 | สเปน | สหภาพโซเวียต | ฮังการี |
1960 | สหภาพโซเวียต | ยูโกสลาเวีย | เชโกสโลวะเกีย |