รอย ฮ็อดจ์สัน ประเดิมคุมทัพสิงโตคำรามเกมแรกได้สวยหรูเมื่อสามารถพาลูกทีมบุกไปชนะ นอร์เวย์ ได้ 1-0 โดยได้ประตูชัยจาก แอชลี่ย์ ยัง ในช่วงต้นเกม และเป็นชัยชนะในรอบ 46 ปี ของทัพสิงโตคำรามที่สามารถบุกไปชนะทีมไวกิ้งได้ถึงถิ่น ในศึกฟุตบอลกระชับมิตร เมื่อวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ฟุตบอลกระชับมิตร

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2555

นอร์เวย์ 0-1 อังกฤษ

สนาม : อุลเลวาล สเตเดี้ยม
 
         นอร์เวย์ เฝ้ารังรับมือ อังกฤษ ภายใต้การคุมทีมนัดแรกของ รอย ฮ็อดจ์สัน โดยเกมนี้ฝั่งเจ้าบ้านวาง โมฮาเหม็ด อับเดลลาอู เป็นหอกตัวเป้า ส่วนทัพสิงโตคำรามวาง แอชลี่ย์ ยัง เป็นตัวฟรียืนต่ำกว่า แอนดี้ แคร์โรลล์ ในแดนหน้า
 
         เริ่มเกมมาได้แค่ 4 นาที อังกฤษเกือบได้ประตูนำเร็วเมื่อ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง กระชากขึ้นไปทางซ้ายก่อนโยนไปหน้าประตูให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ โฉบมาโขกหลุดเสาแรกนิดเดียว
 
         นาทีที่ 9 ทัพสิงโตคำรามขึ้นนำ 1-0 จนได้เมื่อ แคร์โรลล์ เก็บบอลได้กลางสนามก่อนกระดกให้ แอชลี่ย์ ยัง ดึงจังหวะกระชากหนี เบรเด้ ฮันเกลันด์ เข้าเขตโทษก่อนซัดด้วยซ้ายเสียบเสาไกลไม่เหลือ
 
         นาทีที่ 13 นอร์เวย์น่าได้คืนจากลูกยิงทางเขตโทษฝั่งขวาของ มาร์คุส เฮนริคเซ่น แต่ โรเบิร์ต กรีน ปัดทิ้งออกหลังไปได้ และจากลูกเตะมุม มอร์เท่น กัมส์ต พีเดอร์เซ่น ลักไก่ยิงทันที ทว่าบอลโค้งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
 
         นาทีที่ 33 จากนั้นก็เป็นเจ้าบ้านที่บุกได้เหนือกว่า ทว่าทีมเยือนก็โต้กลับได้สวย ลูกนี้ ยัง จ่ายให้ มิลเนอร์ ทะลุขึ้นไปทางขวาก่อนล็อคตัดเข้ากลางแล้วตัดสินใจยิงด้วยซ้าย บอลเบาไปเข้ามือ รูเน่ อัลเมนนิ่ง ยาร์สไตน์ ทั้งที่มี แคร์โรลล์ ยืนว่างอยู่โล่งๆ แต่ มิลเนอร์ กลับไม่จ่าย
 
         นาทีที่ 37 สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันสิงโตคำรามพุ่งเข้าเสียบใส่ ทอม โฮกลี่ แบบอันตราย ทำเอากองหลังเจ้าบ้านเจ็บต้องกระเผลกออกไปปฐมพยาบาลริมสนามก่อนเล่นต่อไม่ไหวต้องส่งเอสเพ่น รุดลงไปแทน หมดครึ่งแรก อังกฤษ นำอยู่ 1-0
 
         กลับมาเล่นต่อในครึ่งเวลาหลัง
 
         นาทีที่ 48 สิงโตคำรามมาได้ฟรีคิกระยะ 20 หลา เลห์ตัน เบนส์ รับอาสายิงเรียดรอดกำแพงไปได้ แต่ ยาร์สไตน์ ยังไวล้มตัวเซฟไว้ได้ทัน
 
         นาทีที่ 49 โอกาสยังเป็นของอังกฤษจากลูกสวนกลับ ฟิล โจนส์ ลากจากกลางสนามขึ้นไปกดด้วยขวาหน้าเขตโทษไปแฉลบแนวรับนอร์เวย์เด้งชนเสาอย่างน่าเสียดาย
 
         นาทีที่ 61 เจ้าถิ่นได้สวยบ้างจากจังหวะที่ ยอห์น อาร์เน รีเซ่ แตะบอลลอดขา ธีโอ วัลค็อตต์ เลาะเส้นหลังฝั่งซ้ายไปอัดมุมแคบ แต่ กรีน ยังปิดมุมได้ดีปัดทิ้งไปได้
 
         ช่วงเวลาที่เหลือ นอร์เวย์เป็นฝ่ายบุกหนัก โดยทัพสิงโตคำรามรอตั้งรับแล้วสวนกลับ แต่ก็ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม อังกฤษ บุกชนะ 1-0 นับเป็นชัยชนะในถิ่นนอร์เวย์ ในรอบ 46 ปี

         รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
         นอร์เวย์ : รูเน่ อัลเมนนิ่ง ยาร์สไตน์, ทอม โฮกลี่, วาดิม เดมิดอฟ, เบรเด้ ฮันเกลันด์, ยอห์น อาเน รีเซ่, ทาริค เอลยูนอสซี่, มาร์คุส เฮนริคเซ่น, มอร์เท่น กัมส์ต พีเดอร์เซ่น, อเล็กซานเดอร์ เท็ตเต้, ดาเนียล บราเท่น, โมฮาเหม็ด อับเดลลาอู
         สำรอง : เอสเพ่น เพ็ตเตอร์เซ่น, คิม ดันเดร มาดเซ่น, คริสเตียน กรินด์ไฮม์, รูเบน ยัตเตอร์การ์ด เยนส์เซ่น, วาลอน เบริช่า, เอริค ฮูเซเคล็ปป์

         อังกฤษ : โรเบิร์ต กรีน, ฟิล โจนส์, ฟิล จากีลก้า, โจลีออน เลสค็อตต์, เลห์ตัน เบนส์, เจมส์ มิลเนอร์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, สกอตต์ พาร์เกอร์, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, แอชลี่ย์ ยัง, แอนดี้ แคร์โรลล์
         สำรอง : โจ ฮาร์ท, มาร์ติน เคลลี่, แกเร็ธ แบร์รี่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, อดัม จอห์นสัน, อเล็กซ์-อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, ธีโอ วัลค็อตต์, เจอร์เมน เดโฟ
 
         ผู้ตัดสิน : มิชาเอล ไวเนอร์ (เยอรมัน)

      สรุปผลฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ
- จอร์แดน ชนะ เซียร่า ลีโอน 2-0
- สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ เยอรมัน 5-3
- เดนมาร์ก แพ้ บราซิล 1-3
- ไอร์แลนด์ ชนะ บอสเนียฯ 1-0
- โปแลนด์ ชนะ สโลวะเกีย 1-0
- โปรตุเกส เสมอ มาซิโดเนีย 0-0
- สเปน ชนะ เซอร์เบีย 2-0
- ฮอลแลนด์ แพ้ บัลแกเรีย 1-2
- ตุรกี แพ้ ฟินแลนด์ 2-3
- เช็ก ชนะ อิสราเอล 2-1
- กรีซ เสมอ สโลวีเนีย 1-1