ยูโร 2012 รอบก่อนรองชนะเลิศ

วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2555

สเปน 2 - ฝรั่งเศส 0

สนาม : ดอนบาส อารีน่า (โดเนตส์ค, ยูเครน)
 
         สเปน คว้าแชมป์กลุ่มซี ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม นัดนี้ทีมได้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ มิดฟิลด์บาร์เซโลน่า หายเจ็บข้อเท้า กลับมาลงเล่นได้ เช่นเดียวกับ จอร์ดี้ อัลบา กองหลังบาเลนเซียหายเจ็บหัวเข่า แต่เกมนี้ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือทีมชาติตัดสินใจไม่ส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าเชลซีลงตัวจริง โดยให้ เชส ฟาเบรกาส ลงสนามเป็นตัวจริง
 
         ทางด้าน ฝรั่งเศส ได้อันดับ 2 ของกลุ่มดี เกมนี้ โลร็องต์ บล็องก์ เซเล็กซิยอนเนอร์ทีมชาติฝรั่งเศสนำทีมหยุดสถิติไว้ที่ไม่แพ้ใคร 23 เกมติดต่อกัน หลังจากแพ้ สวีเดน 0-2 โดยเกมนี้ได้ โยอัน กาบาย มิดฟิลด์ตัวรับหายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา แต่ ฟิลิปป์ เม็กแซส เซนเตอร์ฮาล์ฟติดโทษแบน 1 นัด ทำให้ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ กองหลังอาร์เซน่อลจะลงทำหน้าที่แทน

      เริ่มเกมมาทั้งสองทีมเปิดเกมบุกเข้าใส่กันทันที แต่จังหวะจบสกอร์ยังไม่มีด้วยกันทั้งคู่

      นาทีที่ 6 เชส ฟาเบรกาส โดน กาแอล กลิชี่ เบียดล้มในกรอบเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินยังนิ่ง

      นาทีที่ 10 สเปนทำเกมบุกขึ้นมาได้น่ากลัว อัลบาโร่ อาร์เบลัว ได้บอลหลุดมาทางริมเส้นฝังขวาก่อนโยนเข้ากลาง แต่ อูโก้ โยริส ยังอ่านเกมได้ดีออกมาตัดบอลไว้ได้

      ผ่าน 15 นาทีแรก รูปเกมของฝรั่งเศสเริ่มดูดีขึ้น ฟร้องค์ ริเบรี่ เริ่มป่วนแนวรับของทีมกระทิงดุได้บ้าง

       นาทีที่ 19 อันเดรส อินเนียสต้า จ่ายบอลให้ จอร์ดี้ อัลบา เบียดกับ มาติเยอ เดอบูชี่ ก่อนลากสุดเส้นหลัง แล้วเปิดเข้ากลางให้ ชาบี อลอนโซ่ วิ่งมาโขกลงพื้นสวนตัว อูโก้ โยริส  สเปน ออกนำ 1-0 จาก

      หลังได้ประตูขึ้นนำเพียงนาทีเดียว ทีมกระทิงดุก็มาได้ลุ้นอีกจากลูกยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษของ ชาบี เอร์นานเดซ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป

      นาทีที่ 25 ฝรั่งเศส ได้ลุ้นบ้างจากลูกฟรีคิกระยะ 30 หลา แต่ คาริม เบนเซม่า ซัดข้ามคานออกไปไกล

       นาทีที่ 31 เซร์คิโอ รามอส รับใบเหลืองคนแรกของเกมหลังไปทำฟาวล์ คาริม เบนเซม่า

      จากลูกฟรีคิกระยะ 25 หลา โยอัน กาบาย วิ่งเข้ายิงเต็มๆบอลพุ่งจะเข้ามุมสามเหลี่ยมอยู่แล้ว แต่ อีเกร์ กาซียาส โชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งปัดออกหลังไปได้

      นาทีที่ 37 อันเดรส อินเนียสต้า ทำชิ่งกับ เชส ฟาเบรกาส ก่อนหลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ แต่บอลติดบล็อกกองหลังฝรั่งเศสออกหลังไป

       นาทีที่ 42 โยอัน กาบาย โดนใบเหลืองหลังไปย่ำใส่ เซร์คิโอ บุสเกตส์ ในจังหวะเข้าปะทะ

      จบครึ่งเวลาแรก สเปน ขึ้นนำ 1-0 โดยรูปเกมเหนือกว่า ฝรั่งเศส อยู่มาก

      กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลัง ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น

      นาทีที่ 50 ทีมกระทิงดุ ได้ลุ้นก่อนในครึ่งเวลาหลัง จากลูกยิงไกลระยะ 30 หลาของ ชาบี อลอนโซ่ แต่บอลข้ามคานออกไป

      ครบหนึ่งชั่วโมงพอดี ฟร้องค์ ริเบรี่ แตะหลบแนวรับก่อนเปิดบอลจากริมเส้นเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ มาติเยอ เดอบูชี่ ได้โหม่ง แต่บอลข้ามคานออกไปนิดเดียว

      นาทีที่ 62 เชส ฟาเบรกาส ได้หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปดวลเดี่ยวกับ อูโก้ โยริส แต่นายทวารจากสโมสร ลียง ยังไวออกมาเคลียร์บอลทิ้งได้ทัน

       นาทีที่ 64 ทีมตราไก่เปลี่ยนผู้เล่นทีเดียวสองคนรวดโดยส่ง ซามีร์ นาสรี่ และ เฌเรมี่ เมเนซ ลงมาแทน ฟลอร็องต์ มาลูด้า กับ มาติเยอ เดอบูชี่

       นาทีที่ 65 สเปน ก็เปลี่ยนตัวผู้เล่นบ้างโดยเอา เปโดร โรดริเกวซ ลงสนามไปแทน ดาบิด ซิลบา

       ถัดจากนั้นสองนาที บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือสเปนก็เปลี่ยนเอา เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงสนามไปแทน เชส ฟาเบรกาส

      นาทีที่ 70 ฝรั่งเศสโต้กลับเร็ว ฟร้องค์ ริเบรี่ ลากบอลไปสุดเส้นก่อนผ่านบอลเข้าไป อีเกร์ กาซียาส ตะปบไว้ได้ก่อนที่บอลจะไปเข้าเท้า เฌเรมี่ เมเนซ

       นาทีที่ 76 เฌเรมี่ เมเนซ ไปเบียด จอร์ดี้ อัลบา ล้มลงผู้ตัดสินเป่าฟาวล์ทันที แต่ เฌเรมี่ เมเนซ ไม่พอใจคำตัดสินไปเถียงผู้ตัดสินจึงรับใบเหลืองไปตามระเบียบ

       นาทีที่ 79 โลร็องต์ บล็องก์ กุนซือตราไก่เสริมเกมรุก โดยส่ง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ลงไปเล่นแทน ยันน์ เอ็มวีล่า

      นาทีที่ 80 เฟร์นานโด ตอร์เรส หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงติดเซฟของ อูโก้ โยริส แต่จังหวะนี้ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อนแล้ว

       นาทีที่ 84 สเปน เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนสุดท้ายโดยถอดเอา อันเดรส อินเนียสต้า ออกและส่ง ซานติ กาซอร์ล่า ลงแทน

      นาทีที่ 90 สเปน มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ อ็องโตนี่ เรเวยแยร์ ไปเบียด เปโดร โรดริเกวซ ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นลูกจุดโทษทันที

       นาทีที่ 90+1 ชาบี อลอนโซ่ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด สเปน หนีห่างเป็น 2-0

      จบเกม "แชมป์เก่า" สเปน เป็นฝ่ายคว้าชัยไปได้ 2-0 ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ไปพบกับ โปรตุเกส ในวันพุธที่ 27 มิถุนายนนี้


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
สเปน : อีเกร์ กาซียาส (กัปตันทีม) - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เคราร์ด ปีเก้, เซร์คิโอ รามอส, จอร์ดี้ อัลบา - ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ชาบี อลอนโซ่ - ดาบิด ซิลบา (เปโดร โรดริเกซ น.65), เชส ฟาเบรกาส (เฟร์นานโด ตอร์เรส น.67), อันเดรส อิเนียสต้า (ซานติ กาซอร์ล่า น.83)
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : บิคตอร์ บัลเดส (ผู้รักษาประตู), โฆเซ่ มานูเอล เรน่า (ผู้รักษาประตู), ราอูล อัลบิโอล, ฆาบี มาร์ติเนซ, ฆวนฟราน ตอร์เรส, อัลบาโร่ เนเกรโด้, ฆวน มาต้า, เฟร์นานโด ยอเรนเต้, เฆซุส นาบาส
ใบเหลือง : เซร์คิโอ รามอส น.31

ฝรั่งเศส : อูโก้ โยริส (กัปตันทีม) - อ็องโตนี่ เรเวยแยร์, อาดิล รามี่, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, กาแอล กลิชี่ - โยอัน กาบาย, ยันน์ เอ็มวีล่า (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.79), ฟลอร็องต์ มาลูด้า (ซามีร์ นาสรี่ น.64) - มาติเยอ เดอบูชี่ (เฌเรมี่ เมเนซ น.64), คาริม เบนเซม่า, ฟร้องค์ ริเบรี่
สำรองที่ไม่ได้ใช้ : สตีฟ ม็องด็องด้า (ผู้รักษาประตู), เซดริก การ์ราสโซ่ (ผู้รักษาประตู), ปาทริซ เอวร่า, มาติเยอ วัลบูเอน่า, แบลส มาตุยดี้, อาลู ดิยาร์ร่า, มาร์กวิน มาร์กแต็ง, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา
ใบเหลือง : โยอัน กาบาย น.41, เฌเรมี่ เมเนซ น.76

ผู้ตัดสิน : นิโกล่า ริซโซลี่ (อิตาลี)
ผู้ช่วยผู้ตัดสิน : เรนาโต้ ฟาเวรานี่ (อิตาลี), อันเดรีย สเตฟานี่ (อิตาลี)
ผู้ตัดสินที่ 4 : เคร็ก ธอมสัน (สก็อตแลนด์)

แมน ออฟ เดอะ แมตซ์: ชาบี อลอนโซ่ (สเปน)

        อลอนโซ่ โดดเด่นทั้งการเล่นเกมรับ, การเชื่อมเกม และ ขึ้นมาช่วยเกมรุก นัดนี้เจ้าตัวสอดขึ้นมาโขกพังประตูได้อย่างเหมาะเหม็งในนาทีที่ 19 แถมด้วยการซัดจุดโทษในนาทีสุดท้าย ฉลองการติดทีมชาติครบ 100 นัดพอดิบพอดี
        การพังประตูขึ้นนำของเขาช่วยให้สเปน เล่นโดยปราศจากความกดดันนับจากนั้นและสามารถยึดแท็คติกที่วางมาได้ดังเดิม มองดูแล้วไม่มีใครครบเครื่องไปกว่าเขาแล้วในนัดนี้