มีศัตรูไปทั่วจริงๆ สำหรับ มาริโอ บาโลเตลลี่ ศูนย์หน้าอารมณ์ศิลปินทีมชาติอิตาลี เพราะแม้แต่เพื่อนร่วมชาติอย่าง เปาโล เคียนี่ นักการเมืองชาวอิตาเลียน ยังออกมาเล่นงานเจ้าตัว ด้วยการตัดต่อภาพ "ซูเปอร์มาริโอ" ให้กำลังทำงานในไร่นา ซึ่งดูเหมือนเป็นการเหยียดผิว และชาติพันธุ์เสียอย่างนั้น แต่นักการเมืองแดนมะกะโรนีอ้าง ตนแค่พูดถึงเรื่องแนวทางการเล่นฟุตบอลที่แย่ของแข้งวัย 21 ปีเท่านั้นเอง  


        เปาโล เคียนี่ นักการเมืองชาวอิตาเลียน จากพรรค ฟิวเจอร์ แอนด์ ลิเบอร์ตี้ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายขวาในประเทศอิตาลี หาเรื่องใส่ตัวเสียแล้ว เมื่อเขาดัดแปลงรูป มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าผิวสีทีมชาติอิตาลี ให้เป็นภาพที่ดูเหมือน "ซูเปอร์มาริโอ" กำลังทำงานอยู่ในทุ่งนา ในฐานะแรงงานผู้อพยพ และเอามาโพสต์ลงบน "เฟซบุ๊ค" เครือข่ายสังคมออน์ไลน์ชื่อดัง

        ในอิตาลี นั้น ผู้ที่อพยพมาจากประเทศในทวีปแอฟริกา และอเมริกาใต้หลายคน ต้องหาเลี้ยงชีพในฐานะคนเก็บเกี่ยวพืชผัก ซึ่งมีการแสดงความไม่พอใจหลายอย่าง ในเรื่องที่เกี่ยวกับปัจจัยแวดล้อมในการทำงานของพวกเขา และนั่นก็รวมถึงการทำงานท่ามกลางความร้อน ที่ทำให้ผิวหนังไหม้เกรียมด้วย แต่ดูเหมือน เคียนี่ จะไม่ชอบใจในตัวของ บาโลเตลลี่ เอามากๆ เพราะเขาเล่นดัดแปลงภาพให้กองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังทำการก้มลงเก็บกะหล่ำปลี ในขณะที่ใส่เสื้อทีมชาติอิตาลีอยู่เสียอย่างนั้น

        ทั้งนี้นักการเมืองรายดังกล่าว ยังใส่คำบรรยายใต้ภาพด้วยการอ้างอิงเชิงจวกถึงจังหวะที่แข้งวัย 21 ปี ชักศอกใส่ ริชาร์ด ดันน์ กองหลังทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ในเกมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2012" รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี นัดสุดท้าย ที่ทัพ "อัซซูรี่" คว้าชัยด้วยสกอร์ 2-0 เมื่อวันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา รวมถึงตอนที่ บาโลเตลลี่ ทำการตะโกนคำหยาบไปยังทีมงานของ อิตาลี ในเกมนัดเดียวกันอีกด้วย

        เคียนี่ เขียนลงในหน้า "เฟซบุ๊ค" ของเขาเองว่า "เขาทำฟาวล์ที่สมควรโดนใบแดง จากนั้นเขาก็ทำประตูได้ แล้วไปปล่อยคำหยาบใส่ซุ้มม้านั่งสำรอง จนทำให้พวกเขา (นักเตะ อิตาลี คนอื่นๆ) ต้องไปปิดปากเขา เจ้าตัวตลกรายนี้น่าจะไปทำงานในไร่นานะ"

        การกระทำในครั้งนี้ ส่งผลให้ เคียนี่ ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า เป็นพวกเหยียดผิว และชาติพันธุ์อย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็โพสต์ภาพในตอนที่กำลังพบปะกับชาวเมืองผิวสี พร้อมกับยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นพวกดูหมิ่นสีผิวเลย "พวกเขาจะมาหาว่า ผมเป็นพวกเหยียดผิวได้ยังไงกัน ผมทำงานร่วมกับประเทศที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรปนะ และนั่นคือสิ่งที่โต้ตอบถึงการถูกทึกทักว่า เป็นพวกเหยียดผิวในครั้งนี้ได้ดีที่สุด"

        "สิ่งที่ผมทำก็แค่เป็นการให้ความเห็นเรื่องฟุตบอลเท่า นั้น ผมก็แค่ชี้ให้เห็นว่า บาโลเตลลี่ ทำฟาวล์หนัก จนอาจทำให้เขาโดนไล่ออกมากแค่ไหน แล้วจากนั้นปฏิกิริยาของเขาหลังจากที่ทำประตูได้ ก็ร้ายแรงมากเกินไป จนทำให้หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมของเขา (เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่) ต้องเอามือมาปิดปากเขาก็เท่านั้น"

        "ผมเป็นเพื่อนกับนักฟุตบอลชาวกานาอย่าง ควัดโว่ อซาโมอาห์ (กองกลาง ยูเวนตุส) ซึ่งเป็นคนที่มีผิวคล้ำกว่า บาโลเตลลี่ เสียอีก แต่เขาก็ไม่เคยถูกเป่าปากใส่ หรือโดนถากถางเลย และนั่นก็เพราะก่อนที่จะมาเป็นนักฟุตบอลนั้น เขา (อซาโมอาห์) เป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง ก็เหมือนที่ผมบอกไปนั่นแหละว่า สิ่งที่ผมทำก็แค่ให้ความเห็นเรื่องฟุตบอลเท่านั้น"

        "ผมเชื่อว่า บาโลเตลลี่ ซึ่งใช้ชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่าย และมีทัศนคติต่อชีวิตที่ไม่ดีนั้น จะเป็นตัวอย่างที่เลวร้ายสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ผมบอกว่า เขาต้องไปทำงาน ก็เพราะมันเป็นการใช้ถ้อยคำแบบปกติเท่านั้น ครั้งหนึ่งเราคุ้นเคยกับการบอกว่า ให้ตั้งสมาธิกับการตกปลา แต่ตอนนี้เราจะพูดกันว่า ต้องไปทำงานได้แล้ว" นักการเมืองวัย 51 ปี ร่ายยาว